วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ช่วงนี้ ทีมไทยแลนด์เดินหน้าเปิดฉากรุกไล่กัมพูชาบนเวทีนานาชาติ เพื่อเปิดโปงความเลวร้ายของการใช้ทุ่นระเบิดใหม่ ลอบโจมตีทหารไทย ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
เป็นการให้ข้อมูลความจริงกับประชาคมโลก
เป็นการปูทางสร้างความชอบธรรมให้กับปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทย หากเกิดขึ้นหลังจากนี้ ก็ต้องถือเป็นการป้องกันตนเอง
1. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับนางสาวอิชิกาวะ โทมิโกะ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมด้านการลดอาวุธ ประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22 (อนุสัญญาออตตาวา) ณ นครเจนีวา
รมว.ตปท. นายสีหศักดิ์ ชี้แจงว่า ไทยได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและสูญเสียขาเป็นคนที่ 7 ซึ่งจากการตรวจสอบจากหน่วยงานไทยและกลไกอิสระ เช่น คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ต่าง ได้ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่ถูกนำมาลอบวางโดยเจตนาในเขตแดนไทย โดยไทยขอให้กัมพูชาแสดงความจริงใจและความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
“ไทยไม่มีทางเลือก ต้องสงวนสิทธิของไทยในการดำเนินการตามกลไกข้อ 8 ของอนุสัญญาฯ ในด้านต่างๆ รวมถึงการขอให้มีการจัดตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Finding Mission) ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นอิสระ
ทั้งนี้ ไทยยืนยันที่จะแสดงความโปร่งใสและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ต่อการปฏิบัติตามพันธกรณีอนุสัญญาฯ ตามที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอดอย่างเคร่งครัด” – รัฐมนตรีฯ ต่างประเทศย้ำ
2. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับนายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
รมว. ตปท. ชี้แจงท่าทีไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา พร้อมย้ำว่า ไทยยึดมั่นต่อหลักการสันติภาพ แต่กัมพูชาขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาและเป็นฝ่ายใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งทำให้ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและสูญเสียขาจำนวน 7 คน ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และขัดต่อการดำเนินการตาม Joint Declaration (JD) ของฝ่ายกัมพูชา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีฯ ยืนยันว่า เชลยศึก 18 คน ที่อยู่ในความควบคุมของไทยได้รับการดูแลตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และไทยได้อำนวยความสะดวกให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Red Cross Committee: ICRC) เข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง
3. ทีมไทยแลนด์ลากไส้เขมรประจานกลางที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22 (อนุสัญญาออตตาวา) ณ นครเจนีวา
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22 ณ นครเจนีวา
คณะผู้แทนไทยจากกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ และแสดงท่าทีเป็นเสียงเดียวกัน
โดยผู้แทนของแต่ละหน่วยงานได้กล่าวถ้อยแถลงและใช้สิทธิตอบโต้ในระเบียบวาระที่ไทยถูกพาดพิง เพื่อยืนยันท่าทีและปกป้องผลประโยชน์ของไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ ครั้งนี้ อย่างถึงที่สุด
3.1 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลงในวาระการพิจารณาคำขอตามข้อ 8 ของอนุสัญญาออตตาวา ชี้แจงข้อเท็จจริงและจุดยืนของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา
โดยย้ำว่า ไทยมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ มาตลอด และได้ใช้กลไกทวิภาคีทุกช่องทางด้วยความจริงใจเพื่อแก้ไขสถานการณ์
.jpg)
.jpg)
ไทยไม่ประสงค์ที่จะทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง แต่การที่ทหารของไทยได้รับความสูญเสียและต้องทุพลภาพอย่างถาวรจากการใช้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดข้อ 1 ของอนุสัญญาฯ อย่างชัดแจ้งนั้น จึงจำเป็นต้องกล่าวถ้อยแถลงนี้ในนามของประชาชนผู้ที่ต้องเผชิญกับการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ไทยไม่มีทางเลือก และต้องสงวนสิทธิในการดำเนินการตามกลไกข้อ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาฯ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชา แต่คำชี้แจงของกัมพูชากลับขัดแย้งกับหลักฐานที่ได้ผ่านการตรวจสอบแล้วอีกทั้งยังมีการบิดเบือนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีฯ ตั้งคำถามว่า หากรัฐภาคีสามารถวางทุ่นระเบิดใหม่แล้วเพียงปฏิเสธได้โดยไม่ต้องรับผลการกระทำใดๆ จะเกิดอะไรขึ้น หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งถัดไป
รัฐมนตรีฯ เห็นว่า การดำเนินการต่อไปที่เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และโปร่งใสที่สุด คือ การร้องขอให้เลขาธิการสหประชาชาติอำนวยความสะดวก (good offices) ในการจัดตั้งคณะผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง (fact-finding mission) ที่เป็นอิสระ อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของไทย คือ เพื่อไม่ให้ประเด็นนี้ถูกนำมาทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง โดยการพึ่งพากลไกของอนุสัญญาฯ ซึ่งจะเป็นการปกป้องความน่าเชื่อถือของอนุสัญญาฯ และแสดงให้เห็นว่า กลไกดังกล่าวสามารถนำมาใช้ได้จริงในยามที่จำเป็นที่สุดด้วย
3.2 นางสาวอุศณา พีรานนท์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ได้ใช้สิทธิตอบโต้ (Right of Reply) แย้งคำกล่าวหาที่ปราศจากการพิสูจน์ข้อมูลของกัมพูชาว่าไทยดำเนินการฝ่ายเดียว ขาดความน่าเชื่อถือ และทำให้ความสูญเสียของทหารทั้ง 7 นายเป็นประเด็นทางการเมือง
ฝ่ายไทย ได้แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ของการละเมิดพันธกรณีอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา ต่อที่ประชุมรัฐภาคีฯ
รวมถึงคลิปวีดิทัศน์ที่ทหารกัมพูชากำลังฝึกวางทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งฝ่ายไทยได้นำส่งหลักฐานเหล่านี้ให้กับเลขาธิการสหประชาชาติทั้งหมดด้วยแล้ว
พร้อมทั้งชี้ว่า การจัดตั้งคณะผู้ตรวจสอบความจริงตามที่ไทยได้เสนอนั้น จะช่วยยืนยันข้อเท็จจริงและเสริมสร้างความโปร่งใสของการดำเนินการของทุกฝ่าย ซึ่งหากกัมพูชามีความสุจริตใจที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างแท้จริง ก็ควรที่จะยอมรับข้อเสนอดังกล่าว
มีรายงานว่า ฝ่ายเขมรประท้วงหน้าตาตื่นเลยทีเดียว
3.3 พลเอก รังพิรัชต์ แย้มเกษร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ เข้าร่วมสนับสนุนข้อมูลความจริง นำเสนอประจักษ์แก่สายตาประชาคมโลกในครั้งนี้ด้วย
.jpg)
.jpg)
4. การดำนินการของทีมไทยแลนด์ครั้งนี้ เป็นที่น่าชื่นชม
และไม่เคยเห็นมาก่อน ในยุครัฐบาลหลานอังเคิล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้นำเสนอคำถามเรียบง่ายต่อประชาคมโลก แต่ยิงตรงเป้าหัวใจของเรื่อง
โดยระบุว่า ในเมื่อฝ่ายกัมพูชาใช้วิธีการวางทุนระเบิดใหม่ แล้วใช้คำชี้แจงที่ขัดแย้งกับหลักฐานที่ได้ผ่านการตรวจสอบแล้ว แถมยังบิดเบือนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ถามว่า “หากรัฐภาคีสามารถวางทุ่นระเบิดใหม่ แล้วเพียงปฏิเสธได้ โดยไม่ต้องรับผลการกระทำใดๆ จะเกิดอะไรขึ้น หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งถัดไป?”
พูดง่ายๆ ว่า เราจะมีอนุสัญญาออตตาวา ไปเพื่ออะไร?
ถ้าเป็นประเทศสมาชิกอื่นๆ เจอกับคู่กรณีที่ทำแบบกัมพูชา ท่านจะอยู่เฉยหรือไม่?
คำถามนี้ แหลมคมมาก
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
แต่เป็นคำถามเพื่อเปิดทางให้เกิดความชอบธรรมสำหรับปฏิบัติการของฝ่ายไทยหลังจากนี้
สารส้ม

'นเรศ'เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน
กลาโหมประณามกัมพูชา เปิดฉากยิงพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน
‘ปธ.รัฐสภา’ลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบเงิน 1.1 แสนบาทช่วยน้ำท่วม
บุรีรัมย์เคลื่อนทัพ ระดมกำลังเปิดศูนย์พักพิง รับผู้อพยพ3.5หมื่นคน รับมือสถานการณ์ปะทะ
ต๊ะ นารากร ติงสื่อ! เปิดเผยชีวิตส่วนตัว นัทปง ไม่เกรงใจญาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี