แม้จะเกิดมาภายใต้วงการมายา แต่กลับโดนคุณพ่อที่เป็นนักเขียน และผู้กำกับกีดกันทุกหนทางเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง แต่เพราะใจรักและแรงความปรารถนาอย่างแรงกล้า แม้จะต้องโดนผู้เป็นบิดากักขังบริเวณ แต่ ‘โขมพัสตร์ อรรถยา’ กลับยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ฝันและด้วยใจที่มุ่งมั่นทำให้เธอประสบความสำเร็จ และเป็นดาราที่มีชื่อเสียงในที่สุด แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง และชีวิตที่มองอนาคตอยู่เสมอทำให้สาวคนนี้มองหาหนทางที่จะก้าวไปสู่เส้นทางที่มุ่งหวัง จนเธอตัดสินใจศึกษาศาสตร์อำนาจลี้ลับ พลังจิต เพื่อต้องการที่จะหลุดพ้นจากวงจรมายาที่หาความจริงได้ยาก และวันนี้เธอกลายเป็นอาจารย์ที่หลายคนยอมรับในวงการเรื่องของศาสตร์พลังจิตลี้ลับ ที่ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า ได้ร่วมเปิดใจพร้อมแง่คิดอีกหนึ่งมุมมองที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
เริมต้นเข้าวงการ
“จริง ๆ แล้วเราเรียนในสายการโรงแรม ทำงานโรงแรม ไมได้เกี่ยวกับพวกนี้เลย แต่เราโชคดีมีโอกาสเข้าคอร์สพิเศษของคอแนลค่ะ แล้วคุณพ่อ อ.อรรถจินดา ทำหนัง เขียนหนังสือผี เขาไม่ให้เล่นเพราะเป็นลูกสาวเราเลยไปเล่นกับเพื่อนพ่อชาลี อินทรวิจิต เพราะเราชื่นชอบด้านนี้และอยากเล่น แต่คุณพ่อไม่ให้เมื่อก่อนเวลาเราวิ่งเล่นแถวกองถ่ายเขาก็จะไล่ออกมาตลอดช่วงนั้นวัยเรา 14-15-16 กำลังอยากเล่นเพราะชอบ ทีนี้พอตอนเรียนมัธยม 7 อยู่สันติราษฎร์ เราเก็บเงินจากค่าขนมที่เขาให้มานั่งรถเมล์ไปเรียนนาฎศิลปฺสัมพันธ์ ของครูสัมพันธ์ พันมณี แล้วปรากฏว่าช่อง 4 เขามาเห็นเลยถามเราว่าเล่นละครมั๊ยเราตัดสินใจทันทีตอบเขาไปว่า เล่น เขาถามเล่นหนังมั๊ยเราบอก เล่น เราเลยหนีพอไปเล่น แต่เราไปเล่นหนังของเพื่อนคุณพ่อเรื่องแรกหนัง “ความรักเจ้าขา” เป็นบทร้ายเล่นคู่กับ พี่อี๊ด พัชรา แล้วเราชื่นชอบเขามากได้เล่นเรื่องแรกประกบกับเขาดีใจมากค่ะ”
คุณพ่อห้ามเข้าวงการ
“หลังจากที่หนังเรื่องแรกออกมา เราก็ได้ลงในสื่อต่าง ๆ ทั้ง ไทยรัฐ เดลินิวส์ พอคุณพ่อเห็นเขาด่าเราใหญ่เลย เขาไม่ให้ยังไงก็ไม่ให้ กลางคืนเขาขังเราไว้ในห้องแต่เราก็ปีนหน้าต่างปีนรั้วออกไป นั่งแท็กซี่ออกไปเพื่อไปถ่ายจนได้ แต่หนังเรื่องแรกของเราก็ดังเลยแจ้งเกิด ระหว่างที่ถ่ายทำอยู่มีกองถ่ายอีกกองมาเห็นเข้าก็มาชวนเราไปเล่นเรื่อง “ปราสาททราย” , “อินทรีย์ทอง” และก็ได้เล่นมาเรื่อย ๆ แต่คุณพ่อก็ยังไม่ยอมรับ แต่เวลาที่เพื่อนคุณพ่อไปเล่าให้เขาฟัง ท่านก็จะบอกว่า นางแอ๋วมันร้ายนะให้ระวัง อะไรแบบนี้แต่เราก็ยังเล่นมาเรื่อยๆ”
เหตุผลที่คุณพ่อไม่ยอมรับ
“ตอนนั้นเราเล่นทุกบทบาท ตัวเอง ตัวร้าย ถ่ายแบบเซ็กซี่ทุกอย่าง ซึ่งนี่คืออีกเหตุผลที่คุณพ่อไม่ยอมรับด้วย แต่ที่เราทำเพราะใจรักและชอบ แต่ต้องเข้าใจว่าเซ็กซี่สมัยก่อนไมได้เหมือนสมัยนี้คือแม้จะเป็นบิกินี่แต่ก็เหมือนกางเกงขาสั้น เสื้อก็เหมือนเสื้อในตัวเต็มมันดูไม่โป๊ เหมือนบิกินี่ในยุคนี้ แล้วเวลาเล่นบทเลิฟซีนกอดจูบ ก็ไมได้โดนกัน จะใช้มุมกล้อง จะไม่เหมือนสมัยนี้ที่นางเอกจูบได้สมัยก่อนมันไมได้ค่ะ แต่สุดท้ายคุณพ่อก็ยอมรับเรา”
วันที่คุณพ่อยอมรับ
“นานเลยจนมีอยู่วันหนึ่งคุณพ่อขาดตัวร้ายเรือง “หล่อนอยู่เพื่อฆ่า” เป็นตัวร้ายของเรื่อง เพราะคุณ เมตตา รุ่งรัตน์ ไปถ่ายให้ไมได้ คุณพ่อไม่รู้ว่าจะเอาใครเลยมาเรียกให้ไปถ่ายทำ เราเลยบอกคุณพ่อว่าต้องให้ตังค์เราเหมือนกับผู้กำกับท่านอื่น ๆ หรือหนังเรื่องอื่น ๆ ไม่เล่นฟรีนะ เขาก็โอเคให้มา 2,000 บาท ยุคนั้นเยอะมาก ซึ่งหลังจากนั้นคุณพ่อก็ยอมรับเรา แต่ก็ยังด่าบ้าง พอช่วงหลังคุณพ่อมาทำหนังสือก็ให้ไปถ่ายแบบให้อีก”
ตัดสินใจออกจากวงการทั้งที่ยังมีชื่อเสียง
“ตอนนั้นเราตัดสินใจแต่งงานเลยคิดว่าหันกลับมาใช้ชีวิตธรรมดาดีกว่า แล้วเราเป็นคนเก็บเงินไม่เที่ยว สมัยก่อนดาราจะไมใค่อยเก็บเงินกันจะเที่ยวกัน แต่เราดูชีวิตแล้วว่ามันลำบากพออายุมากต้องมาขอบริจาคเวลาป่วยไข้เรากลัวเป็นแบบนั้นเลยพยายามที่จะทำงานเก็บเงินไว้ แล้วออกมาตั้งใจใช้ชีวิตคู่ แต่ในที่สุดชีวิตสมรสของเราไม่ประสบความสำเร็จเลยเป็นคนบอกเลิก คือเราเป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอดตั้งแต่เด็ก และตัดสินด้วยตัวเอง มันจะผิดหรือจะถูกก็จะแก้เอาเองคือเราเป็นคนเด็ดเดี่ยว บางทีเหมือนน่ากลัว พอเราตัดสินใจเลิกก็กลับมาล่นละครของเอ็กแซ็กต์ 2-3 เรื่อง มีเรื่อง บัลลังก์เมฆ”
มุ่งศึกษาเรื่องสิ่งลี้ลับผันมาเป็นวิทยากร
“หลังจากที่เรากลับมาเล่นละครได้ 2-3 เรื่อง แล้วเราคิดต่อว่าถ้าเราอยู่ในวงการนี้ต่อไปก็ต้องกลายมาเล่นเป็นบทคนใช้ เป็นแม่บ้าน เราไม่เอา เราจะยังคงของเราอยู่อย่างนี้เลยคิดว่าจะทำอะไรดี แล้วเราเป็นคนที่ชอบเรื่องของพลังจิต สิ่งลี้ลับ ว่ามีจริงมั๊ย แต่จริง ๆ ตั้งแต่เด็ก ๆ อายุ 15-16 เราจะไปหาหลวงพ่อองค์หนึ่งตลอดเป็นพระป่าเพราะเราชอบเรื่องปาฎิหาริย์ว่ามีจริงหรือเปล่า แล้วจะมีไปที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำค่ะ เราอยากรู้นรกสวรรค์มีจริงหรือก็ไปอยู่ที่นั่นพักหนึ่งค่ะ แล้วเพื่อน ๆ ก็บอกว่ามีอาจารย์อินเดีย อาจารย์ทิเบต ฝรั่งเข้ามาสอนเราเลยไปเรียนหมดทุกอาจารย์เลยค่ะ เราชอบเลยมาคิดว่าทำไมอาจารย์เหล่านี้เขาถึงสอนคนเป็นร้อย ๆ คนในโรงแรมได้เงินเป็นแสน ๆ ได้เราก็เป็นคนเหมือนกันทำไมจะทำไมได้ต้องทำได้ เราเลยเอาตำราของทุกคนมาอ่านใหม่ แล้วจำหมดทุกวิธีการ ฝึกทดสอบ อยู่ประมาณ 6-7 เดือน เราเลยไปลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อปรากฎว่าคนมาเรียนเต็มโรงแรมเลย ที่โรงแรมกานต์มณี แถวสะพานควายเราเลยจัดและเรียนเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันทำได้จริงเป็นวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่จริงเราจะไม่เชื่อ”
มองวงการจากวันนั้นถึงวันนี้
“เรามองว่าทุกอย่างเป็นมายาหมด ถ้าเราเรียนจากวิทยาศาสตร์สิ่งที่เราเห็นมันแค่หนึ่งในร้อยของความจริง คือคนมันไม่ใช่มายาแค่ในหนัง นอกจอมันก็เป็น อย่างพูดไม่จริงออกสื่อ โกหกเพื่อให้ตัวเองดีเป็นอย่างงี้ทำให้เราไม่อยากกลับเข้าไปอีกแล้ว คนเรามักอิจฉาริษยาคนอื่นไม่อยากให้คนอื่นได้ดี วันหนึ่งเพื่อนเรามากระทบกระเทียบเสียดสีเราโดยที่เราไม่รู้เลย ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเขาเหล่านั้นคิดผิด เขาโง่มากเลยคนเราเกิดมาในโลกนี้เพื่อให้ช่วยเหลือกันไม่ให้ได้มาอิจฉาหรือแก่งแย่งอะไรกันเลย ซึ่งคุณไม่รอด คุณเกิดอีกครั้งหนึ่งคุณต้องเชื่อว่าคุณต้องเกิดแต่คุณจะเกิดมาเป็นอะไรอยู่ที่ตัวคุณ เพราะเวลาที่เราตายเราเราตายแต่กายเนื้อแต่ตัวจริงอยู่ข้างในมันเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมดเลยที่คุณทำเลว ชั่ว แล้วมันก็หาร่างใหม่ไปเรื่อย ๆ ถ้ามันดีก็จะได้ร่างใหม่ที่ดีต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งก็ไม่ต้องมาตรงนี้อีก อาจารย์จะคิดแบบนี้ ซึ่งวงการในอดีตและปัจจุบันก็ไม่แตกต่างกันเลยเพียงแต่ สมัยก่อนเขาปิดเรื่องการมีแฟนมีลูก แต่สมัยนี้เขาเปิดมากขึ้น”
เชื่อเรื่องกรรมเลยต้องรับกรรม
“เป็นเรื่องที่เราเชื่อเพราะเมื่อก่อนเราเคยเลี้ยงสุนัขพอเราย้ายบ้านแล้วไมได้เอาเขามาด้วย ตั้งแต่นั้นมาเราเลยเก็บสุนัขจรจัดมาเลี้ยงดุแลอย่างดี สุนัขในบ้านเราเก็บมาทั้งนั้นเมื่อก่อนมี 12 ตัว แต่ตอนนี้เราเอาไปฝากเขาเลี้ยงตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วก็ส่งเงินเลี้ยงดูเขาทุกวันนี้เราก็มีภาระเรื่องของสุนัข พอเรามาอยู่ที่นี่พอเห็นสุนัขก็สงสารไปหมด เหมือนเราต้องใช้กรรมที่เคยทอดทิ้งเขา”
เขียนหนังสือเป็นวิทยาทาน
“มีทั้งหมด 5 เล่ม มี “พลังจิตคุณก็ทำได้” เป็นเล่มแรก “พลังจิตติดต่อวิญญาณ” , , “อำนาจจิต พลังลึกลับขจัดความเครียด” , “พลังแห่งจิตใต้สำนึก” และ “อย่าทุกข์เพราะรัก” จะเป็นแนวธรรมมะ
สนใจศาสตร์การตั้งชื่อ
“จริง ๆ ชื่อตัวเองก็ตั้งเองเดิมชื่อ อัญธิกา อรรถจินดา แล้วเราไม่เชื่อใครเป็นคนดื้อ คุณพ่อไม่ให้ใช้ชื่อในวงการ อรรถจินดา เราเลยใช้ อรรถยา ก็ได้ แล้วคนอื่น ๆ มาก็มีคนตั้งให้หมด จนวันหนึ่งน้องเฮเลน ทีวีพูล มาให้ช่วยเปลี่ยนชื่อให้เราเลยเปลี่ยนให้เขา ซึ่งพอเขาเอาชื่อนี้ไปใช้ชีวิตเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเฮเลนก็พาไปหา เอ ศุภชัย ก็มีชื่อ เคน ภูภูมิ , เนย โชติกา, กันต์ เดอะสตาร์ , ใหม่ ดาวิกา แล้วเด็กบางกลุ่ม เอ จะมารับให้ไปสอนพลังจิตใต้สำนึกว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นดาราให้ได้”
คิดว่าการเปลี่ยนชื่อช่วยให้ดังไหม
“พูดจริง ๆ เลยคือมันเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วย ชื่อแปลก ชื่อเพราะติดปากคน แต่เขาต้องมีความสามารถของเขาด้วย ซึ่งเราก็จะต้องขอดูตัวอย่าง เคน ภูภูมิ เราตั้งนามสกุลให้ พงษ์ภาณุ เราไม่เห็นตัวแต่เอจะบอกบุคลิกของเขามา คือเราต้องดูที่ตัวเขาคือความที่จะเป็นดาราจะมีอะไรบ่งบอกว่าเป็น บางคนไม่เป็นนะ พวกดาราจะต้องมีอะไรที่แปลกไปจากคนธรรมดา เช่น ตา ผิวพรรณ ออร่า ด้วย ส่วนหลักการตั้งชื่อของเราจะดูจากวันเกิด และบุคลิกลักษณะ และถ้าเราตั้งให้ไปแล้วไม่เหมือนหมอดูคนอื่นไม่ต้องตกใจเพราะเราดูจากลักษณะและการเรียงของตัวอักษร ซึ่งชื่อไม่ดีไม่ต้องเปลี่ยนได้แต่ต้องแก้เคล็ด ซึ่งจะดีทุกคน”
หลักการดำเนินชีวิต
“สู้ คิดดี คิดบวก คือถ้าเราคิดบวกซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ มันจะประทับลงไปในจิตใต้สำนึกคนอื่นอาจคิดว่าไม่เป็นความจริง แต่ในชีวิตเราอยู่ได้เพราะตัวนี้แท้ ๆ อย่างตอนที่จะกลับมาเล่นใหม่มีคนบอกว่า เดี๋ยวนี้เขาไม่เอาหรอกดารารุ่นเก่าอย่างน้อยก็ได้แค่ 2,000 อาจารย์เลยบอกเดี๋ยวจะทำให้ดูคือตอนนั้นเราคิดว่าถ้าได้ออกทีวีบ้างจะมีใครที่รู้จักเราไหมเราอยากพุดเรื่องหมาจรจัดจะได้ขออาหารให้มัน อาจารย์ จะนิ่งและคิดซ้ำ ๆ ว่าเราจะต้องได้อยู่ในจอปรากฏว่าเราทำเดือนหนึ่ง ราตรีสโมสรโทรมาหาเราและได้ออกรายการ พอหลังจากนั้นไม่เท่าไร สหมงคลฟิล์มก็ได้เรียกให้ไปเล่นเพราะเรื่องนี้เหมาะกับเราเลยได้เล่นเรื่อง “Who are you” อีก”
ฝากถึงนักแสดงในวงการ
“นักแสดงส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้เขาเก่ง ๆ อยู่แล้ว แต่ความกตัญญูของคนที่สร้างเขามาไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เราก็ต้องกตัญญูต่อเขาให้มาก ๆ ยกย่องเขาไม่ใช่ดังแล้วถีบหัวส่งและควรมีสัมมาคารวะกับนักแสดงรุ่นพี่ ไม่ใช่พอดังแล้วเชิ่ด นี่คือสิ่งที่ฝากไว้ค่ะ”
สุดท้ายอยากฝากบอกแฟน ๆ
“เรื่องของพลังจิตใต้สำนึกเป็นเรื่องที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ จิตสำนึกเป็นจริงได้ไม่ใช่เพียงจินตนาการ ตอนนี้อาจารย์เปิดรับผู้เข้าเรียนเมื่อจบออกไปแล้วสามารถทำได้จริง และการเรียนรู้เรื่องพลังจิตยังสามารถนำมาใช้ในเรื่องรักษาสุขภาพ ได้อีกด้วย ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ โทร.081-5617705 หรือ 088-0962167 หรือถ้าใครอยากร่วมทำบุญช่วยเหลือสุนัขจรจัดสามาระร่วมบริจาคได้ค่ะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี