เมื่อเร็วๆนี้ Professor Kenneth Bozeman, ศาสตราจารย์ เคนเนธ โบซแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีและศาสตร์การใช้เสียงจาก University of Lawrence สหรัฐอเมริกา มาทำเวิร์คชอพในประเทศไทย เรื่องศาสตร์การใช้เสียงแบบธรรมชาติ (Accoustic Voice Pedagogy) โดยการจัดของ MT JAY หรือคุณชญาน์วัชร เทพชาตรี อดีตนักร้องแกรมมี่วง JKI
ถ้าเราเปรียบการขับร้องและดนตรี เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง แล้วต้องการเข้าใจถึงโครงสร้างและความรู้สึกที่เกิดขึ้นของการใช้เสียง ด้วยการนำวิทยาศาสตร์มาช่วยอธิบายโดยละเอียด หรือพูดง่ายๆ คือการเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายศาสตร์แห่งการร้องเพลง เมื่อวันที่ 11-15 มิ.ย พ.ศ. 2566 มีเวิร์คชอป ที่ SC Park Hotel ซึ่งเป็นการเรียนรู้ เรื่องธรรมชาติแห่งการใช้เสียง (Acoustic Voice Pedagogy) ให้ความเข้าใจเรื่องทฤษฎีเสียงทำให้นักร้องสามารถแก้ปัญหาเสียงของตัวเองบางอย่างได้อย่างเป็นรูปธรรม มีการนำวิทยาศาสตร์มาช่วยอธิบายความรู้สึกที่มีต่อการร้องเพลง ความรู้สึกบางอย่างต่อคลื่นและความถี่ของเสียง เช่น ทำไมบางเสียงทำให้เราอึดอัด บางเสียงทำให้เราสบายใจได้ นี่คือศาสตร์แห่งธรรมชาติการใช้เสียง
สำหรับ Professor Kenneth ซึ่งเป็นวิทยากรในการอบรมครั้งนี้ ถือเป็นบุคลากรด้านดนตรีมีชื่อเสียงระดับโลก ได้ศึกษาจุดกำเนิดของของเสียง วิธีการเปล่งเสียง การทำรูปของปากและท่าทางเพื่อให้เสียงเดินทางออกจากลำคอได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ผ่านเครื่องมือการวิเคราะห์คลื่นความถี่ของเสียงในแต่ละระดับเสียง (pitch) โดยอ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์
ทางด้านครู MT JAY ให้สัมภาษณ์ว่า ผมอยากเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการสร้างรากฐานวิทยาศาสตร์การใช้เสียงในวงการ Voice อยากจะให้คนไทยได้เห็นว่า องค์ประกอบการสอนร้องเพลงที่ไม่ได้มีแค่ศาสตร์เดียวที่เรารู้กันดีอยู่คือ ศาสตร์ที่เกี่ยวกับกล่องเสียงเป็นหลัก แต่ว่าอีกศาสตร์นึงที่เราควรจะต้องมองให้มันครบถ้วนคือเรื่องของ Acoustic Voice Pedagogy หรือหลักการทางเสียง อะคูสติกนะครับ
“การทำให้คนได้เห็นว่าจริงแล้วมันมีอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่ตกหล่นหายไปในการที่จะทำให้การสอนร้องเพลงเต็มประสิทธิภาพได้ นั่นคือหนึ่งในแรงบันดาลใจ แล้วก็บุคคลเก่งๆ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียงระดับโลก ได้ทำงานเรื่องนี้มา ผมอยากจะให้เกียรติงานวิจัยของเค้าและช่วยเผยแพร่งานวิจัยที่เค้าได้ทำ”
ผู้เข้าอบรมครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็น ครูสอนร้องเพลง และนักร้องศิลปิน ผู้ใช้เสียงแบบอาชีพเป็นเวลานาน ย่อมต้องผ่านประสบการณ์การได้รับบาดเจ็บจากการใช้เสียงเช่น ร้องแล้วเสียงแหบ เสียงหาย รู้สึกเกร็งคอ เจ็บคอเวลาร้องท่อนนี้ ทำไมไม่สามารถร้องเพลงในบางย่านเสียงได้ เช่น ขึ้นเสียงสูงแล้วเสียงแตก เสียงหาย Professor Kenneth นำสิ่งเหล่านั้นมาอธิบาย พร้อมทฤษฎีที่สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจศาสตร์ของการใช้เสียงในเชิงลึกเพื่อพัฒนาการการออกเสียง สามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาเรื่องเสียง เพราะเสียงของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัวตามกายภาพ
เด็ก ธรรมชาติ การร้องเพลง และ ความสนุก
ทางด้าน Professor Kenneth ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการร้องเพลงว่า มันเป็นธรรมชาติที่อยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ผมอยากจะแนะนำว่า “เด็กน้อยเมื่อเกิดมาก็เริ่มเปล่งเสียงเพื่อบอกความต้องการ พอโตขึ้นเด็กเริ่มเรียนรู้ความหมายเสียงที่ได้ยิน จากนั้นจดจำความหมายของคำนั้น และนำมาใช้พูดเพื่อสื่อความหมาย
" การออกเสียงของเด็กเล็กเป็นการใช้เสียงตามธรรมชาติ เด็กเล็กมักร้องเพลงด้วยความสนุกสนาน ร้องได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ผมคิดว่าเด็กออกเสียงได้เป็นธรรมชาติที่สุด เราจึงรู้สึกว่าเสียงพูดของเด็กเล็กนั้นช่างเอ็นดู สื่ออารมณ์ ความรู้สึกของเด็กได้อย่างตรงไปตรงมา เมื่อเราออกเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ เราจะรู้สึกสบายคอ เมื่อเรารู้สึกสบายคอเวลาออกเสียง นั่นคือการออกเสียงที่ถูกต้อง "
ทางด้าน ครูโรจน์ รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์ ครูสอนร้องเพลงที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ที่ได้เข้ามาร่วมอบรมในครั้งนี้ แสดงความเห็นว่า สิ่งที่ได้จากเวิร์คชอพครั้งนี้ ที่หนึ่งเลยคือได้เห็นมุมมองของการวิเคราะห์เรื่องเสียงโดยคนที่เรียกว่าเป็นคนเก่งที่สุดในโลกในสาขานี้อีกคนหนึ่ง ซึ่งมันก็น่าจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งของการวิเคราะห์เสียง เราก็จะเอาไปประมวลผลกันและนำไปเรียบเรียงและประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เราสอนอยู่ ซึ่งมันไม่มีถูก-ผิดอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าเราจะเอาไปใช้อย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้คือได้เปิดมุมมองของการวิเคราะห์เรื่องของเสียง เพราะเราเป็นโค้ชสอนเรื่องของเสียง
ทางด้าน ครูอู๋ เปรมจิตต์ กล่าวว่า รู้สึกประทับใจProfessor Kenneth จุดที่เค้าให้ความสำคัญคือสิ่งสำคัญของพื้นฐานของการร้องเพลง
“งานศิลปะที่ดีมันจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเค้าก็เลยปลูกฝังพื้นฐานในแง่ของการใช้เสียงแบบชัดเจน สิ่งที่ควรมีคือความเพลิดเพลิน และความสุขในการร้องเพลง พี่อู๋รู้สึกว่ามันเป็นแก่นที่เอาไปประยุกต์ใช้ได้ เป็นมายด์เซ็ท ที่ดีสำหรับคนที่เรียนเรื่องเสียง ไม่จำเป็นต้องมีเทคนิคหรือสกิลอะอะไรที่หรูหรา แต่ว่าพอผู้เชี่ยวชาญระดับโลก มายืนยันว่าสิ่งนี้คือกุญแจ แล้วยิ่งเชื่อมั่นเลยว่าสุดท้ายเบสิคคือสิ่งสำคัญ และความธรรมชาติคือเรื่องที่ดี และเราก็ควรจะกลับไปใช้สัญชาติญาณของเราในการร้องเพลง ถูกต้องที่สุด”
หนึ่ง อภิวัฒน์ พงศ์วาท ศิลปินของวง ETC เผยว่า รู้สึกตื่นเต้นเเละดีใจที่ได้มาร่วมสัมมนาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ได้ความรู้เรื่องเทคนิคการใช้เสียง และครั้งนี้เป็นเทคนิคที่พิเศษไม่เหมือนครั้งไหน
“เหมือนใช้ธรรมชาติของตัวเองในการกำหนดการออกเสียงซึ่งมีประโยชน์มากทำให้เรารู้ว่าทำยังไงให้เราร้องเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานได้อย่างประหยัดที่สุดและมีคุณภาพที่สุด ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่นำมาปรับใช้ได้กับการร้องเพลงต่อไปได้เยอะมากครับ”
หมอโอม ภัทรพงศ์ สิงหสีระสมร ซึ่งเป็นหมอศัลยกรรมกระดูก ผู้ชื่นชอบในการร้องเพลงป็นงานอดิเรก แสดงความเห็นว่า “ผมชอบการร้องเพลงมากครับ และอยากร้องให้ดียิ่งๆขึ้นไป การเรียน เวิร์กช็อปวันนี้สนุกมาก สามารถอธิบายการใช้เสียงได้อย่างละเอียดจริง เสียดายว่าถ้าผมเรียนเฉพาะทางหู คอ จมูกมา ความรู้ในวันนี้จะยิ่งมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น”
ครูอุ๊บอิ๊บ กนิกสรา บำรุงพฤกษ์ ครูสอนร้องเพลง กล่าวด้วยสีหน้ามีรอยยิ้มว่า เวิร์คช็อปนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจและใหม่มากสำหรับนักร้องและวงการการสอนร้องเพลง พูดถึงเรื่องธรรมชาติของของเสียงโดยอิงงานวิจัยและหลักการทางวิทยาศาตร์เพื่อใช้สร้างเสน่ห์ให้กับเสียงและแก้ไขปัญหาต่างๆของการร้อง ทำให้ได้เสียงที่มีคุณภาพตามที่เราต้องการ แต่ร้องง่ายขึ้น ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆที่เรารู้สึกว่าเราสามารถเอาไปปรับใช้ในการสอนและการร้องของเราได้ดีมาก
นอกจากนี้ ก็จะมี รัดเกล้า อมระดิษ, วุฒิชัย สุโพธิ์ อั้บ-(UP) นักร้องนำวง what’s up, แนน AF10, ครูไก่ พัสเชษฐ์ สื่อรุ่งเรือง, ครูป้อม ธีรพัฒน์ เจียรพงษ์, ครูเอิร์น August voice studio, ครูคอปเตอร์ ครูสอนร้องเพลง ของ Melody Plus, นักร้อง ดารา กล่าวเป็นทำนองเดียวกันว่า รู้สึก ประทับใจที่ได้เข้ามาร่วมในโครงการนี้ ได้เรียนรู้ศาสตร์ของดนตรี ซื่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คนเราอาจจะมองข้ามไป เกิดจากธรรมชาติของเรานี้ การได้เรียนรู้จาก Professor Kenneth เหมือนการเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้น มีความลึกซึ้งในศาสตร์ของเสียงและการร้องเพลง และหวังว่าจะมีโอกาสดีมีการจัดเวิร์คช็อปในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก เพราะมันดีมากต่อวงการ และต่อตัวศิลปินที่ได้มีโอกาสมาร่วมงาน