ผลงานเรื่อง “Superman” ภาพยนตร์เรื่องแรกจากทาง DC Studios สู่จอยักษ์ จากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเจมส์ กันน์ที่จะพาซูเปอร์ฮีโร่ต้นฉบับเดิมมาปรับโฉมใหม่ในจักรวาลดีซี พร้อมด้วยการผสมผสานของฉากแอ็คชั่นสุดยิ่งใหญ่ มีมุกตลกและความอบอุ่นที่จะนำเสนอซูเปอร์แมนผู้มีความเห็นใจและความเชื่อมั่นใจในเรื่องคุณธรรมของมนุษย์ ปีเตอร์ ซาฟราน ผู้นำแห่งดีซีสตูดิโอและกันน์ทำหน้าที่อำนวยการสร้างฯ โดยกันน์จะกำกับจากบทของเขาเอง โดยอิงตัวละครต่างๆ จากดีซี ซูเปอร์แมนสร้างขึ้นโดยเจอร์รี่ ซีเกลและโจ ชูสเตอร์
คุณมีผลงานภาพยนตร์ในฐานะผู้อำนวยการสร้างฯ มากมาย อะไรคือสิ่งที่พิเศษที่สุดกับการมาถึงจุดนี้กับการได้สร้าง Superman?
มันคือความฝันที่กลายเป็นจริงครับ ผมอยากสร้างหนัง Superman มาตั้งแต่ปี 1978 ตอนที่ได้ดูเวอร์ชันของริชาร์ด ดอนเนอร์ กับคริสโตเฟอร์ รีฟ ตอนนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ในลอนดอน ดูหนังที่เลสเตอร์สแควร์ แล้วนับตั้งแต่นั้นผมก็อยากทำหนังซูเปอร์แมนมาโดยตลอด ดังนั้น การได้มาสร้างหนังเรื่องนี้กับคนที่ผมคิดว่าเป็นผู้กำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เก่งที่สุดในตอนนี้ เจมส์ กันน์ มันคือฝันที่เป็นจริง การถ่ายทำก็ยอดเยี่ยมมาก เราสามารถทำทุกอย่างที่อยากทำได้ เพื่อเล่าเรื่องนี้ในแบบใหม่ และนำ Superman มาสู่คนรุ่นใหม่จริงๆ รวมถึงการสร้างเดวิด โคเรนส์เวตให้กลายเป็นซูเปอร์แมนรุ่นต่อไป การทำหนังเรื่องนี้สนุกมากจริงๆ นักแสดงทุกคนรวมตัวกันด้วยพลังบวก ทุกคนสมัครใจมาร่วมงาน ไม่ใช่แค่โดนทาบทาม ทุกคนอยากมาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เราเริ่มถ่ายทำกันที่สฟาลบาร์ด ประเทศนอร์เวย์ อุณหภูมิลบ 15 องศา และเดวิด โคเรนส์เวตก็นอนอยู่บนพื้นน้ำแข็งในหิมะ แต่เขายังยิ้มอยู่เลย เพราะเขาตื่นเต้นกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ พลังบวกแบบนั้นส่งต่อไปตลอดทั้งกองถ่าย จากนอร์เวย์ถึงแอตแลนตา คลีฟแลนด์ ซินซินเนติ จนถึงวันสุดท้ายของการถ่ายทำ มันมีบรรยากาศของความหวัง ความอบอุ่น ความรู้สึกดีๆ ซึ่งสะท้อนกับโทนของตัว Superman เอง และกับหนังที่เราตั้งใจจะสร้างไว้จริงๆ มันดีมากครับที่ตัวการผลิตสามารถสะท้อนอุดมคติของตัวหนังออกมาได้แบบนั้น
สิ่งที่เจมส์ กันน์เสนอให้คุณในฐานะแนวทาง “เข้าสู่เรื่องราว” คือสิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นบนจอหรือเปล่า?
เจมส์โทรมาบอกว่า “ผมมีทางเข้าเรื่องแล้วนะ” หมายถึงในเชิงธีมหลักของเรื่อง “ผมรู้แล้วว่าหนังเรื่องนี้ควรพูดถึงอะไร” และตั้งแต่ตอนที่เขาคิดตรงนั้นได้ ก็ไม่เคยเบี่ยงเบนไปจากจุดนั้นเลย กับหนังทุกเรื่องโดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร่ คุณต้องตั้งคำถามว่าทำไม ทำไมเราต้องเล่าเรื่องนี้? ทำไมต้องเล่าตอนนี้? ซึ่งเจมส์เป็นคนที่คิดเรื่องพวกนี้อย่างตั้งใจมาก เขามีธีมหลักที่อยากจะสำรวจ มีประเด็นเกี่ยวกับสภาพความเป็นมนุษย์ที่เขาอยากพูดถึง ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่หาได้ง่ายๆ หรือนำมาสร้างหนังใหญ่ระดับนี้ได้เสมอไป เขาพูดถึงการสำรวจคำถามว่า “คุณจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร ถ้ามีมุมมองแบบซูเปอร์แมน” มุมมองที่ดีและมีเมตตาโดยพื้นฐาน ในโลกที่เป็นอยู่จริงในตอนนี้ และเพราะซูเปอร์แมนเป็นตัวละครที่ดีโดยเนื้อแท้ และทรงพลังมากโดยธรรมชาติ คุณอาจคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาเป็นตัวละครที่ดูไม่น่าสนใจนักเมื่อเทียบกับตัวเอกแบบอื่นๆ ซึ่งในอดีตก็อาจเป็นแบบนั้น เพราะเขาไม่ได้มีความลึกทางอารมณ์หรือความขัดแย้งภายในมากเท่าตัวละครบางตัวที่หนังแนวนี้มักใช้เป็นศูนย์กลาง แต่เจมส์ให้ความสำคัญกับมันอย่างจริงจัง และเขามองเห็นว่ามันมีบางสิ่งที่ควรค่าแก่การสำรวจ อย่างการตัดสินใจที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้ การเปรียบเทียบระหว่างต้นกำเนิดของซูเปอร์แมนในคริปตัน กับการเติบโตในฐานะมนุษย์บนโลก แนวคิดที่ว่า “คุณจะอยู่รอดในโลกยุคปัจจุบันได้ไหม หากคุณยังเลือกที่จะมองเห็นแต่สิ่งดีๆ ในผู้คน” สำหรับผม นั่นคือคำถามที่น่าสนใจที่สุด และสมควรอย่างยิ่งที่จะหยิบมาขยายในหนังเรื่องนี้ และผมคิดว่าเมื่อผู้ชมได้ดูหนัง พวกเขาจะสัมผัสได้ว่าธีมนี้มันทรงพลังมากจริงๆ ครับ
นอกจากความฝันที่อยากทำหนัง Superman มาตลอดแล้ว อะไรทำให้ซูเปอร์แมนเป็นตัวละครที่เหมาะสมในการเปิดจักรวาลภาพยนตร์ใหม่ของ DC Studios?
ซูเปอร์แมนคือต้นแบบของซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหมด และมันก็ผ่านมาเกินกว่าสิบปีแล้วตั้งแต่ที่มีหนัง Superman แบบเดี่ยวเรื่องล่าสุด และในบรรดาหนังที่ออกมาในช่วงหลังๆ นั้น ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่ถ่ายทอดความรู้สึกแห่งความหวังและความมองโลกในแง่ดีแบบที่เราต้องการนำเสนอในหนังของเราได้ ซึ่งสิ่งนั้นคือสิ่งที่ย้อนกลับไปถึงฉบับปี 1978 อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น การเริ่มต้นจักรวาล DCU ของเรา การเริ่มเล่าเรื่องราวขนาดใหญ่ที่เรากำลังจะสร้างขึ้น ด้วยซูเปอร์ฮีโร่ดั้งเดิมที่สุด มันจึงดูเป็นก้าวเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุด หนังเรื่องนี้พูดถึงความรัก ความเมตตา และความดีงามที่อยู่ในแก่นแท้ของจิตวิญญาณมนุษย์ ซึ่งผมคิดว่านี่คือคุณสมบัติที่โลกเราต้องการในเวลานี้มากกว่าที่เคยเป็นมา ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยก หนังเรื่องนี้คือหนังสำหรับทุกคน เป็นหนังที่พาเราทุกคนกลับมารวมกัน ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ด้วยมุมมองที่มองเห็นความดีในผู้อื่นที่อยู่รอบตัวเรา
คุณเลือกเดวิด โคเรนส์เวตมารับบทเป็นซูเปอร์แมนและคลาร์ก เคนต์ อะไรที่ทำให้เขาเหมาะกับบทนี้?
ดูเขาสิ! [หัวเราะ] หมายถึง…เขาดูเหมือนซูเปอร์แมนเลยจริงๆ เขาสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว มีผมสีเข้มที่ดูดี มีตาสีฟ้า และเขาก็อเมริกันสุดๆ เขาอาศัยอยู่นอกเมืองฟิลาเดลเฟีย แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารู้จักมาตั้งแต่มัธยม เขาเป็นภาพของ อเมริกันคลาสสิกแบบที่เราไม่ได้เห็นในซูเปอร์แมนมาสักพักแล้ว แต่สิ่งที่เขานำมาให้กับบทนี้จริงๆ คือความรู้สึกของ ความดี เขาเป็นคนรักครอบครัว เป็นคนใจดี ดูแลทั้งนักแสดงและทีมงาน เขามีคุณสมบัติแห่งความดีงามทั้งหมดที่คุณอยากให้คลาร์ก เคนต์และซูเปอร์แมนมี และรู้ไหม ตอนเราเริ่มดูเทปออดิชัน วันแรกหรือไม่ก็สัปดาห์แรกที่เราเริ่มเปิดรับเลย เราเห็นเทปของเขาแล้วก็แบบ “โอเค เราทำหนังเรื่องนี้ได้แล้ว นี่แหละคนที่ใช่” และตอนที่เขาเข้ามาทดสอบหน้ากล้อง มันไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีกเลย เขามีเสน่ห์เหลือเชื่อ เขาเป็นนักแสดงที่จบจากจูเลียร์ด เหมือนกับคริสโตเฟอร์ รีฟ ซึ่งตอนนั้นก็อายุพอๆ กัน และก็จบจากจูเลียร์ดเหมือนกัน เขานำเอาความทุ่มเท ความเป็นมืออาชีพ และทักษะโดยธรรมชาติมาให้กับบทบาทนี้ ซึ่งทำให้เขาเป็นคนพิเศษจริงๆ ผมอดใจรอไม่ไหวแล้วที่ผู้ชมจะได้รู้จักเดวิด เขาคือดาราหนังสไตล์คลาสสิกแบบที่หาได้ยากในยุคนี้ และเขาคือหนึ่งในนั้นจริงๆ
เรเชล บรอสนาฮาน ถ่ายทอดอะไรสู่บทบาทของลูอิส เลนบ้าง?
เรเชลกับเดวิดมีเคมีที่ยอดเยี่ยมร่วมกันมาก ตอนที่เราทดสอบนักแสดงสำหรับบทคลาร์ก เคนต์และลูอิส เลน เรามีนักแสดงที่เป็นไปได้ 3 คนในแต่ละบท แล้วเราก็ลองจับคู่ผสมกันหลายแบบตลอดทั้งวัน และเมื่อเรเชลกับเดวิดได้ลองเข้าฉากด้วยกันมันก็มีพลังทันที มีนักแสดงคนอื่นที่เก่ง ถ่ายทอดสู่ตัวละครได้ดีเช่นกัน แต่เมื่อสองคนนี้เล่นด้วยกัน พวกเขายกระดับให้ดียิ่งขึ้น เรเชลมีเสน่ห์ดึงดูด เป็นคนที่เปล่งประกาย มีความฉลาด เธอเคยแสดงให้เห็นมาแล้วในบทมิสซิส ไมเซลได้อย่างงดงาม เธอฉลาด และในบทลูอิสเธอเป็นคู่ที่เท่าเทียมกับซูเปอร์แมนในทุกด้าน ซึ่งคนดูจะค่อยๆ สัมผัสได้ตลอดทั้งเรื่อง คุณจะไม่รู้สึกว่าเป็นแค่ซูเปอร์ฮีโร่มาปกป้องมนุษย์ แต่รู้สึกว่าทั้งคู่เป็นคู่หูที่แท้จริง เธอสู้กลับได้พอๆ กัน คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไมสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดบนโลกถึงหลงใหลในผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นคนที่มั่นใจ แข็งแกร่ง และพวกเขาเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ต่างฝ่ายต่างก็มีบางอย่างที่อีกคนอาจไม่มี
เล่าให้ฟังหน่อยเกี่ยวกับการคัดเลือกนิโคลัส ฮอลท์ มารับบทตัวร้ายสุดคลาสสิกของซูเปอร์แมนอย่างเล็กซ์ ลูเธอร์?
ทีมนักแสดงทั้งหมดน่าทึ่งมาก แต่เรเชล, เดวิด และนิค โฮลท์ในบทเล็กซ์ ลูเธอร์? ทั้งสามคนนี้เข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ ผมคิดว่านิคสร้างตัวตนของเล็กซ์ ลูเธอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาเลยทีเดียว แม้ว่าผมจะชื่นชอบเวอร์ชันอื่นๆ ด้วย อย่างจีน แฮ็กแมนที่ยอดเยี่ยม หรือไมเคิล โรเซนบาวน์จาก Smallville ที่ก็สุดยอด แต่เราไม่เคยเห็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบเท่านี้มาก่อน สำหรับผมนิคในบทเล็กซ์ ลูเธอร์มีความคล้ายแจ็ค นิโคลสันใน A Few Good Men คือเขาเชื่อมั่นจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องที่ดีต่อสาธารณชน เขาไม่ได้เป็นแค่คนที่มีแผนเพื่อหาเงินหรือแสวงหาอำนาจส่วนตัวเท่านั้น แต่ในมุมมองของเขาคือกำลังกอบกู้มนุษยชาติ แม้ว่าวิธีการที่เขาเลือกอาจจะดูผิดไปบ้าง คุณจะได้ดูหนังแล้วเกิดความรู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะพูดถูกก็ได้ นิคถ่ายทอดเล็กซ์ ลูเธอร์ออกมาได้อย่างมีมิติ เป็นตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่ และนิคก็ทำให้เขามีความลึกซึ้ง มีชั้นเชิง เป็นทั้งตัวละครที่ยอดเยี่ยม และการแสดงที่วิเศษมาก
เจมส์ได้ดึงเหล่าฮีโร่อื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย เล่าให้ฟังหน่อยเกี่ยวกับทีม Justice Gang ชื่อที่ลงตัวแน่นอน!
Justice Gang เป็นการรวมตัวที่ลงตัวมาก นาธาน ฟิลเลียนเคยร่วมงานกับเจมส์และผมมาหลายครั้งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และเขาก็นำสิ่งพิเศษมาทุกครั้ง สำหรับนาธานในบทกาย การ์ดเนอร์คือสมบูรณ์แบบสุดๆ ผมว่าจริงๆ แล้วเจมส์เลือกเขามาเล่นเพื่อจะได้ทำให้เขาดูตลกกับทรงผมทรงหม้อคว่ำอันนั้นด้วยซ้ำ [หัวเราะ] ซึ่งก็มีโอกาสสูงเลยว่านั่นเป็นเหตุผลจริงๆ เอดี กาเธกีในบทมิสเตอร์เทอร์ริฟฟิก โดดเด่นมากสำหรับพวกเรา เขาเป็นตัวละครที่ยอดเยี่ยม แม้อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนักใน DCU ยกเว้นหมู่แฟนพันธุ์แท้ของ DC แต่เขาเป็นตัวละครที่น่าทึ่งมาก และผมเชื่อว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตของ DCU ส่วนอิซาเบลา เธอนำพลังบางอย่างที่พิเศษมากมาสู่ตัวละครฮอว์กเกิร์ล ฮอว์กเกิร์ลเป็นตัวละครที่ดีและค่อนข้างเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อิซาเบลาทำคือการเติมบุคลิกเฉพาะตัวลงไป จนคนดูจะต้องตกหลุมรักเธอแน่นอน
คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับเมตามอร์ฟอหน่อยได้บ้างไหม โดยไม่สปอยล์มากเกินไป?
แอนโธนี คาร์ริแกนรับบทเป็นเมตามอร์ฟอ ตัวละครที่คล้ายกับมิสเตอร์ เทอร์ริฟิคตรงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ความสามารถของเขาถูกนำมาใช้ในหนังอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวละครมีมิติลึกซึ้งมากจนผมคิดว่าผู้ชมจะต้องหลงรักตัวละครนี้แน่นอน ผมคิดว่าเขาจะกลายเป็นขวัญใจแฟนๆ อย่างแท้จริง
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในหนัง Superman ทุกเรื่องก็คือที่ทำงานของคลาร์ก เคนท์คือเดลี่ แพลเน็ท และอีกหนึ่งตัวละครขวัญใจแห่งเมืองเมโทรโพลิสอย่างจิมมี่ โอลเซน
จิมมี่ โอลเซนเป็นตัวละครคลาสสิกจากจักรวาล Superman เขาสำคัญไม่แพ้ลูอิส เลนและเล็กซ์ ลูเธอร์ สกายเลอร์ ไกซอนโดถ่ายทอดบทนี้ได้อย่างมั่นใจเกินกว่าที่รูปลักษณ์ภายนอกจะบอก ภายนอกเขาดูเป็นเด็กหนุ่มที่เหมาะกับบท แต่ถ่ายทอดความมั่นใจแบบผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขามได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมผู้หญิงหลายคนในเรื่องถึงตกหลุมรักจิมมี่ เขาเป็นคนฉลาด สดใส พูดจาชัดเจน และมีเสน่ห์ที่เปล่งประกายออกมาจากหน้าจออย่างเห็นได้ชัด
ทำไมคุณถึงตัดสินใจเริ่มถ่ายทำไกลถึงสฟาลบาร์ ประเทศนอร์เวย์?
หนึ่งในสิ่งที่เจมส์ กันน์ยืนยันอย่างแน่วแน่ตั้งแต่แรกก็คือ การถ่ายทำฉากป้อมปราการแห่งความสันโดษต้องทำในสถานที่จริง บนพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมแบบอาร์กติก เขาต้องการให้พวกเราและผู้ชมรู้สึกได้ถึงความสมจริงของหิมะและความหนาวเย็น เพราะนี่คือฉากเปิดของภาพยนตร์ เป็นฉากแรกที่ใครก็ตามจะได้เห็นในจักรวาล DCU ใหม่ และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เราสร้างขึ้นเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ เจมส์จึงต้องการให้การเริ่มต้นนี้งดงามและน่าตื่นตะลึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสฟาลบาร์ก็เป็นสถานที่น่าตื่นตะลึงได้อย่างแท้จริง มันช่างมหัศจรรย์อย่างกับเทพนิยายเลย
ทำไมคุณถึงเลือกย้ายกองถ่ายไปที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ?
อย่างแรกเลยคือเมืองคลีฟแลนด์เป็นสถานที่ที่ซูเปอร์แมนถือกำเนิดขึ้นจริง ๆ เจอร์รี ซีเกลเป็นชาวคลีฟแลนด์ และเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่นั่นกับโจ ชูสเตอร์ด้วย ดังนั้นแค่ความคิดที่ว่าเรากำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองที่ตัวละครนี้เกิดขึ้น มันก็มีความรู้สึกงดงามและมีความหมายในเชิงบทกวีอยู่แล้ว ข้อที่ 2 คือเมืองคลีฟแลนด์ยังคงมีอาคารจากยุคสมัยหนึ่งที่เรารู้สึกเชื่อมโยงด้วย อาคารเหล่านั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตเลย รูปลักษณ์ของหนังที่เราต้องการที่เบธ มิคเคิล ผู้ออกแบบฉากและเจมส์ กันน์ร่วมกันคิดขึ้น สิ่งเหล่านั้นล้วนมีอยู่ในคลีฟแลนด์ตามธรรมชาติ และมันก็รู้สึกว่าเหมาะสมกับเรามาก และเหตุผลที่ 3 คือ เมืองคลีฟแลนด์ตั้งตารอที่จะต้อนรับพวกเราอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาดีใจมากที่เราจะไปถ่ายทำที่นั่น และคุณก็ย่อมอยากอยู่ในที่ที่มีคนต้องการคุณ ในช่วงเวลาที่เราถ่ายทำอยู่ที่นั่น คนในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่เรากำลังสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับฮีโร่ประจำบ้านเกิดของพวกเขา ดังนั้น มันจึงเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่ได้ไปถ่ายทำที่นั่น และไม่ไกลจากคลีฟแลนด์ก็คือเมืองซินซินแนติ ซึ่งมีสถานที่สวยงามอย่างยิ่งที่เราใช้ถ่ายทำเป็นหอเกียรติยศแห่งความยุติธรรม มันสวยงามมากจริงๆ
ผู้ชมจะได้เห็นอะไรในตัวซูเปอร์แมนเวอร์ชันนี้ที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อน ในแง่ของตัวละคร?
ผมคิดว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ซูเปอร์แมนต้องเผชิญกับหนึ่งในบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาจนถึงตอนนี้ ความเชื่อหลักของเขาสั่นคลอน เขาถูกบังคับให้หันกลับมามองลึกเข้าไปข้างในตัวเอง เพื่อค้นหาว่าเขาเป็นใคร และควรจะเป็นอะไร แทนที่จะมองตัวเองจากสายตาของคนอื่นเพียงอย่างเดียว เขาต้องเจาะลงไปในตัวตนของตัวเองและตัดสินใจว่าเขาอยากจะเป็นใครกันแน่
ทำไมคุณคิดว่าตัวละครนี้ยังคงมีความหมายและเชื่อมโยงกับผู้ชมในหลายๆ ด้าน?
หนังสือการ์ตูนมีความนิยมมานานกว่า 90 ปี และมีเหตุผลที่ทำให้มันยังคงเข้าถึงใจคนได้หลายรุ่นต่อหลายรุ่น เพราะมันสะท้อนทั้งความกลัวและความหวังของแต่ละยุคสมัย ผมคิดว่าตอนนี้สิ่งที่ผู้คนจะได้รับจากหนัง Superman ของเราคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ และที่เราทุกคนต้องการคือแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการเยียวยาความแตกแยก วิธีการที่จะนำผู้คนกลับมารวมกันอีกครั้งในแบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะมันสอนให้เราเข้าใจว่า บางทีเราอาจต้องลองเดินในรองเท้าของคนอื่นบ้าง เพื่อที่จะเข้าใจมุมมองของพวกเขา และความจริงที่ว่าซูเปอร์แมนสามารถอยู่รอดในโลกนี้ได้พร้อมกับมองเห็นสิ่งดีในตัวผู้คน อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราหลายคนพยายามมองหาความดีในผู้อื่นด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี