20 พ.ย. 2562 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว “U.S. Senate passes Hong Kong rights bill backing protesters, angers Beijing” ระบุว่า ในการประชุมวุฒิสภา (สว.) สหรัฐฯ เมื่อ 19 พ.ย. 2562 มีการลงมติผ่านร่างกฎหมาย “Hong Kong Human Rights and Democracy Act” ว่าด้วยการปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อมาแล้วเกือบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2562
มาร์โค รูบิโอ (Marco Rubio) สว.พรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ผู้คนบนเกาะฮ่องกงมองเห็นเสรีภาพของพวกเขากำลังจะถูกทำลาย พร้อมกล่าวหาจีนแผ่นดินใหญ่ว่าอยู่เบื้องหลังการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้สาระสำคัญคือห้ามสหรัฐฯ ส่งออกอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน เช่น แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย กระสุนยางและปืนช็อตกระแสไฟฟ้าไปยังฮ่องกง
เช่นเดียวกับ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) สว.พรรคเดโมแครต ที่กล่าวว่า การผ่านร่างกฎหมายของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในครั้งนี้ คือการส่งสาส์นไปถึง สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีของจีน ว่าหากยังคงละเลยหลักการเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน มุ่งแต่เดินหน้าปราบปรามผู้เห็นต่างไม่ว่าบนเกาะฮ่องกงหรือที่ไหนก็ตาม ย่อมไม่ทางเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งนอกจากฮ่องกงแล้ว มณฑลซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนแผ่นดินใหญ่ ก็มีกรณีค่ายปรับทัศนคติชาวมุสลิมอุยกูร์ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นค่ายกักกัน แม้จีนจะชี้แจงว่าเป็นเพียงศูนย์ฝึกอาชีพก็ตาม
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ตามขั้นตอนของรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อร่างกฎหมายผ่านการพิจารณาจากวุฒิสภา ก็จะถูกส่งไปให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา หากทั้ง 2 สภาเห็นพ้องกันก็จะส่งไปให้ประธานาธิบดีพิจารณาในขั้นสุดท้ายว่าจะยับยั้งหรือไม่ หากไม่ยับยั้งก็จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งหากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ก็นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ที่สหรัฐฯ ออกกฎหมายเพื่อแสดงจุดยืนในเหตุชุมนุมประท้วงที่ฮ่องกง
โดยก่อนหน้านี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายที่กำหนดให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องพิจารณาปีละ 1 ครั้ง ว่าฮ่องกงมีอำนาจบริหารจัดการตนเองเพียงพอที่สหรัฐฯ จะใช้เป็นเขตการค้าพิเศษหรือไม่ ซึ่งการได้รับการรับรองจากสหรัฐฯ นั้นรับประกันสถานะของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของโลก นอกจากนี้ยังมีมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงด้วย
ด้านทำเนียบขาวยังไม่มีท่าทีใดๆ กับเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า หากร่างกฎหมายปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวฮ่องกงถูกส่งมาถึง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ปธน.สหรัฐฯ เชื่อว่าจะมีการถกเถียงขึ้นอย่างแน่นอนว่า ปธน.สมควรใช้อำนาจยับยั้งกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ ระหว่างฝ่ายที่กังวลว่าร่างกฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเจรจาการค้ากับจีน กับฝ่ายที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนของชาวฮ่องกง แต่อาจจะไม่ง่ายนักที่ ปธน.ทรัมป์ จะตัดสินใจใช้อำนาจยับยั้ง เพราะร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านวุฒิสภามาด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์
ในเวลาต่อมา ทางการจีนแถลงการณ์ประณามวุฒิสภาสหรัฐฯ ทันทีหลังทราบข่าวร่างกฎหมายผ่านมติที่ประชุม โดย เกิง ชวง (Geng Shuang) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า สหรัฐฯ ละเลยข้อเท็จจริง พิจารณาแบบ 2 มาตรฐาน และโดยเฉพาะเป็นการพยายามแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกงและจีน จึงเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นสหรัฐฯ ต้องหยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย หาไม่แล้วผลกระทบจะย้อนกลับไปยังสหรัฐฯ เอง
ไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อ 18 พ.ย. 2562 ว่า สหรัฐฯ กังวลกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นบนเกาะฮ่องกง พร้อมกับเรียกร้องให้คณะผู้บริหารฮ่องกงตอบรับต่อข้อกังวลของประชาชน และรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ต้องยึดหลักการรักษาสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง ที่จีนได้ให้สัญญาไว้เมื่อครั้งรับมอบเกาะฮ่องกงคืนจากอังกฤษในปี 2540 และในวันที่ 19 พ.ย. 2562 ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่ประเทศเบลเยียม
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถูกกดดันให้ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เรียกเหตุการณ์ชุมนุมว่าเป็นเหตุจลาจลซึ่งเป็นปัญหาของจีน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้เรียกร้องให้จีนแก้ปัญหาด้วยความเป็นมนุษย์ และเตือนด้วยว่าหากมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับฮ่องกง ก็อาจส่งผลต่อการเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจทั้ง 2 ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี