26 ก.พ.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอิตาลี ณ วันที่ 26 ก.พ.พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มกว่า 30 ราย รวมแล้วทั้งประเทศติดเชื้อสะสม 374 เสียชีวิตแล้ว 12 คน

โดยผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ แต่ก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่บางคนอยู่นอกแคว้นลอมบาร์ดีและเวเนโต 2 แคว้นที่มีการระบาดอย่างหนัก ซึ่งรวมทั้งใน 3 เมืองของเกาะซิซิลี, 2 เมืองในแคว้นทัสกานี และอีกหนึ่งเมืองในแคว้นลีกูเรีย ทำให้อิตาลีต้องสั่งปิดโรงเรียน, พิพิธภัณฑ์และโรงละครต่างๆ ใน 2 แคว้นศูนย์กลางการระบาด และทหารก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลควบคุมการกักบริเวณใน 10 เมืองของแคว้นลอมบาร์ดี และเมืองโวกูแอนนีโอ แคว้นเวเนโต

ส่วนที่ฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2 คนเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) หนึ่งในผู้ติดเชื้อเป็นหญิงชาวจีนที่เดินทางกลับจากจีนมายังฝรั่งเศส ส่วนอีกคนเป็นชายชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางกลับจากท่องเที่ยวในแคว้นลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี ศูนย์กลางการระบาดใหญ่ที่สุดในยุโรป หลังจากที่เพิ่งรายงานการรักษาผู้ป่วยรายสุดท้ายจนหายดีไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ ออสเตรีย, โครเอเชียและสวิตเซอร์แลนด์ รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศแล้ว ซึ่งทั้งหมดเคยเดินทางไปยังอิตาลีเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนในสเปนพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 6 คน รวมเป็น 9 คน ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองบาร์เซโลนา ซึ่งเคยเดินทางไปยังแคว้นลอมบาร์ดีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแพทย์คนหนึ่งจากภาคเหนือของอิตาลี พร้อมภรรยาของเขา ซึ่งเดินทางมาพักผ่อนที่เกาะเตเนริเฟ เกาะที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของหมู่เกาะคะแนรี นอกชายฝั่งแอฟริกา ซึ่งเป็นเขตปกครองของสเปน อีกทั้งยังพบเพิ่มเติมอีกใน เยอรมนี 2 คน รวม 18 คน

ทั้งนี้ จากการประชุมเร่งด่วนภายในกรุงโรม ระหว่างหน่วยงานด้านสาธารณสุขอิตาลีและประเทศที่มีพรมแดนติดกัน รวมถึงคณะกรรมการสาธารณสุขของอียู เมื่อวานนี้(25 ก.พ.)ได้ข้อตกลงว่า ยุโรปยังคงปฏิเสธที่จะปิดกันพรมแดนระหว่างกัน โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่มีประสิทธิภาพใดๆ โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของอิตาลีระบุว่า เรากำลังทำงานต่อสู้กับไวรัสที่ไม่เคารพพรมแดน เพราะได้แพร่กระจายไปในหลายประเทศของยุโรป โดยจะใช้วิธีการยกระดับการคัดกรองแทน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลของแต่ละประเทศจะประเมินตามความเหมาะสม