‘เสิ่นเจิ้น’ตื่น!จ่อดันกม.ห้าม‘เปิบพิสดาร’ ล้อมคอก‘โควิด’ระบาด
27 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอข่าว “Chinese city of Shenzhen bans eating cats and dogs as part of moves to stop spread of coronavirus” ระบุว่า สภาเมืองเสินเจิ้น ประเทศจีน เผยแพร่ร่างประกาศห้ามบริโภคเนื้อสัตว์หลายชนิดรวมถึงสุนัขและแมว โดยยกกรณีการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ที่คาดว่ามีสาเหตุจากการบริโภคเนื้อสัตว์ป่ามาเป็นบทเรียน ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2563
สำหรับร่างกฎหมายฉบับนี้จะกำหนด “บัญชีขาว (White List)” หรือเนื้อสัตว์ที่สามารถรับประทานได้ โดยมีอยู่ 9 ชนิด อาทิ หมู วัว ไก่ กระต่าย ปลาและอาหารทะเล แต่ไม่รวมถึงสุนัขและแมว ตลอดจนเนื้อสัตว์อื่นๆ ที่นิยมรับประทานในภาคใต้ของจีน เช่น งู เต่าและกบ ทางการเสินเจิ้นให้เหตุผลว่าไม่สามารถกำหนด “บัญชีดำ (Black List)” หรือเนื้อสัตว์ที่ห้ามรับประทานได้ เพราะในประเทศจีนมีสัตว์ป่าจำนวนมากนับหมื่นชนิด อนึ่ง ความเคลื่อนไหวของเมืองเสินเจิ้นมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนส่วนกลางที่ต้องการห้ามซื้อ-ขายและบริโภคเนื้อสัตว์ป่า
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า โรคระบาดโควิด-19 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกราว 8 หมื่นคน และเสียชีวิตกว่า 2,700 คน ขณะที่เสินเจิ้นนั้นเป็นเมืองสำคัญด้านเทคโนโลยีและตั้งประชิดกับเกาะฮ่องกง หากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 2 หมื่นหยวน หรือราว 9 หมื่นบาท ทั้งนี้ยังไม่อาจอ้างได้ว่าเนื้อสัตว์นอกบัญชีขาวมาจากฟาร์มที่มีการเพาะเลี้ยงด้วย เนื่องจากพิสูจน์ได้ยากว่าเนื้อสัตว์นั้นมาจากการเลี้ยงจริงหรือจับมาจากในธรรมชาติ
ทั้งนี้พฤติกรรมการบริโภคอาหารของชาวจีนกลายเป็นข้อถกเถียงในหมู่นักระบาดวิทยามานานแล้ว อาทิ ช่วงปี 2545-2546 ที่มีการระบาดของโรคซาร์ส (SARS) ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 คนทั่วโลก และมีข้อสงสัยว่าเชื้ออาจมาจากชะมด อันเป็นสัตว์ที่นิยมบริโภคกันทางภาคใต้ของจีน นอกจากนี้บรรดานักรณรงค์ด้านสิทธิสัตว์ก็วิพากษ์วิจารณ์การบริโภคเนื้อสุนัขและแมวในจีนเช่นกัน
หลิวจินเหมย (Liu Jinmei) ตัวแทนองค์กร Friends of Nature กล่าวว่า ต้องชื่นชมแนวคิดของทางการเมืองเสินเจิ้น เพราะควรจะมีกฎหมายห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ที่เป็นสัตว์เลี้ยง (Pet) มานานแล้ว การมีกฎหมายนี้จะทำให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น นอกจากนี้แม้ปัจจุบันจีนจะมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าที่ออกมาตั้งแต่ปี 2532 แต่ก็มีข้อยกเว้นให้ทำในเชิงพาณิชย์ได้สำหรับสัตว์ป่าที่เกิดจากการเพาะเลี้ยง
ขอบคุณเรื่องจาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี