วันที่ 26 มีนาคม 2563 สื่อต่างประเทศหลายสำนักเสนอข่าวมาตรการ “ล็อกดาวน์ (Lockdown” หรือปิดเมือง-ปิดบ้านในประเทศอินเดีย เพื่อหวังสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจกำลังนำไปสู่ปัญหาใหม่คือความไม่พอใจของประชาชนระดับฐานรากที่ประสบภาวะอดอยากยากจน เนื่องจากกิจการและงานต่างๆ ที่เคยทำถูกยกเลิกเกือบทั้งหมดตามข้อเสนอทางสาธารณสุขว่าด้วย “ระยะห่างทางสังคม (Social Distance)” ที่ไม่ต้องการให้คนอยู่รวมกันเพราะเสี่ยงต่อการกระจายเชื้อได้
โดยสำนักข่าว Voice of America (VOA) สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว “Jobless After Virus Lockdown, India's Poor Struggle to Eat” ว่าด้วยความพยายามทั้งจากภาครัฐและภาคประชาสังคม (NGO) เพื่อช่วยเหลือประชาชนระดับฐานรากของอินเดียที่ไม่ได้ทำงานให้มีชีวิตอยู่ได้ในมาตรการปิดเมือง-ปิดบ้านสกัดไวรัสโควิด-19 อาทิ กระทรวงการคลังของอินเดีย จัดงบประมาณ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 7.26 แสนล้านบาท รวมถึงส่งมอบเมล็ดพันธุ์ธัญญาหารให้ประชาชนราว 800 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของประชากรอินเดียทั้งประเทศ
ขณะที่ตำรวจในบางรัฐมีการปันส่วนข้าวสารให้ประชาชน รัฐบาลส่วนท้องถิ่นก็เร่งโอนเงินเข้าบัญชีประชาชนที่ว่างงาน ส่วนองค์กรภาคประชาสังคมก็พยายามขายความช่วยเหลือด้านการแจกจ่ายอาหาร แต่การใช้มาตรการเพื่อจำกัดให้คนอยู่แต่ในบ้านยกเว้นออกไปร้านขายยาหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ในประเทศที่ประชากร 1 ใน 4 อยู่ใต้เส้นความยากจนและ 1.8 ล้านคนไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยก็กลายเป็นความเสี่ยง
ข้อมูลจากรัฐบาลอินเดียระบุว่า ร้อยละ 85 ของผู้มีงานทำในอินเดียเป็นแรงงานนอกระบบ อาทิ คนขับรถลาก ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย คนงานทำความสะอาดและคนงานอื่นๆ ที่รับค่าจ้างรายวัน คนเหล่านี้ใช้จ่ายเพียงวันต่อวันเท่านั้นไม่มีเงินออม อาทิ สุเรศ กุมาร (Suresh Kumar) ชายวัย 60 ปี อาชีพสามล้อถีบในกรุงนิวเดลี เล่าว่า มีอีก 6 ชีวิตในครอบครัวต้องดูแลโดยพึ่งพารายได้วันละ 4 เหรียญสหรัฐ หรือราว 132 บาท และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
วินัย เค สตีเฟนส์ (Vinay K Stephen) สมาชิกองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานร่วมกับภาครัฐในการดูแลคนไร้บ้านในกรุงนิวเดลี กล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา และการรับประกันว่าคนจนจะมีอาหารรับประทานเป็นงานใหญ่มโหฬาร ที่เมืองหลวงของอินเดียแห่งนี้ ภาครัฐและภาคประชาสังคมร่วมกันทำอาหารจากครัวในโรงเรียนของรัฐ ที่ทำการพรรคการเมือง หรือศูนย์พักพิง เพื่อแจกจ่ายให้กับคนยากจน
บรรดานักเศรษฐศาสตร์เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียต้องช่วยเหลือคนจนที่อพยพไปทำงานในเมืองใหญ่แล้วไม่สามารถทำงานได้แต่ก็กลับภูมิลำเนาไม่ได้เช่นกันเพราะรถไฟหยุดวิ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 150 ปี อย่างไรก็ตาม ความโกลาหลเกิดขึ้นแม้แต่ในหมู่ผู้ที่พอมีเงินจับจ่าย เช่น ในเมืองบังกาลอร์ ผู้คนยอมที่จะฝืนกฎรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็น อาทิ กัมเลศ สเสนา (Kamlesh Saxena) เจ้าหน้าที่รัฐที่มาซื้อของ ยอมรับว่าแม้จะเสี่ยงกับการติดเชื้อ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
เช่นเดียวกับสำนักข่าว Bernama ของมาเลเซีย เสนอข่าว “India's coronavirus lockdown causes hardships to the poorest” ว่าด้วยชะตากรรมแรงงานหาเช้ากินค่ำในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด อาทิ ราจิบ (Rajib) ชายหนุ่มจากรัฐพิหารที่มาทำงานในกรุงนิวเดลี เล่าว่า ทันทีที่เข้าสู่วันที่ 25 มี.ค. 2563 ที่รัฐบาลอินเดียเริ่มใช้มาตรการปิดบ้าน-ปิดเมือง ตนก็ทำอะไรไม่ถูกในทันที และเมื่อมองไปหาเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ไม่มีใครมีเงินติดตัวเลย
ราจิบ เล่าต่อไปว่า ตนตระเวนไปจนมีคนช่วยเหลือด้านอาหาร แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเพราะไม่มีรายได้ จากเดิมที่เคยเช่าสามล้อไฟฟ้ามาขับรับ-ส่งผู้โดยสาร มีรายได้ 8 เหรียญสหรัฐ หรือราว 264 บาทต่อวัน รายได้ในแต่ละเดือนหลังจากหารค่าห้องเช่ากับเพื่อน 2 คนและค่าอาหารประจำวันแล้วยังพอมีส่วนหนึ่งส่งกลับไปยังบ้านเกิดได้ แต่วันนี้ไม่สามารถทำงานได้เพราะตำรวจไม่อนุญาตให้เคลื่อนย้ายผู้คนและยานพาหนะโดยไม่มีเหตุจำเป็น แต่ในขณะเดียวกันเมื่อรถประจำทางหยุดวิ่ง ตนก็ไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้
แต่ก็มีแรงงานย้ายถิ่นอีกส่วนหนึ่งที่ยอมแม้กระทั่งเดินเท้าออกจากเมืองใหญ่เพื่อกลับไปยังบ้านเกิด อาทิ ราเดชยาม พาเทล (Radheshyam Patel) เดินเท้าระยะทาง 150 กิโลเมตร จากเมืองอาห์เมดาบัด (Ahmedabad) รัฐคุชราฏ กลับไปยังหมู่บ้านของตนพร้อมกับเพื่อนอีก 50 คน ตั้งแต่คืนวันที่ 24 มี.ค. 2563 หลังได้ยินข่าวว่า นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประกาศล็อกดาวน์ประเทศเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19
พาเทลและเพื่อนๆ เดิมทำงานที่ร้านน้ำชาหรือร้านอาหาร เมื่อกิจการถูกสั่งให้หยุดนายจ้างก็ขอให้พวกตนกลับบ้านไปก่อนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง แต่เมื่อระบบขนส่งมวลชนทุกอย่างหยุดให้บริการจึงต้องเดินเท้ากลับบ้าน ทั้งนี้เมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในอินเดียดึงดูดผู้คนจากชนบทให้เข้ามาเป็นแรงงาน และคนเหล่านี้ไม่อาจอยู่รอดได้หากไม่มีรายได้ประจำวัน แม้นายกฯ โมดี จะกล่าวว่า การปิดเมือง-ปิดบ้าน ทำเพื่อปกป้องประเทศและประชาชน แต่สำหรับประชากรกลุ่มเปราะบาง มันคือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดที่แตกต่างกัน
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.voanews.com/south-central-asia/jobless-after-virus-lockdown-indias-poor-struggle-eat
https://www.bernama.com/en/world/news.php?id=1825142
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี