“โนวาแวกซ์”บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐประกาศว่า ได้เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์ที่ออสเตรเลียแล้ว โดยหวังว่าจะผลิตออกมาใช้ได้ในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ องค์การอนามัยโลกได้ระงับการทดลองใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรียมาใช้ในการรักษาไวรัสโควิด-19 เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ระงับการทดลองใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรียมาใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 หลังจากเมื่อวันศุกร์นักวิจัยในสหรัฐและสวิตเซอร์แลนด์ ได้รายงานว่า ไม่สามารถยืนยันถึงประโยชน์ของการใช้ไฮดรอกซีคลอโรควิน หรือคลอโรควิน (chloroquine) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยนักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ประมาณ 96,000 คน ที่ได้รับการรักษาด้วยยาดังกล่าว และได้รายงานเรื่องความผิดปกติของอัตราการเต้นของหัวใจในผู้ป่วยบางคน ขณะที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงว่าองค์การอนามัยโลกได้ระงับการทดลองใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควินในการรักษาโรคโควิด-19 เป็นการชั่วคราวแล้ว ระหว่างตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัย อย่างไรก็ตามผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ยาต้านมาลาเรียเหล่านี้ ยังคงได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตนเอง และมาลาเรีย
องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า จะยังดำเนินการทดสอบยาอื่นๆ ที่นำมาทดลองใช้รักษาโรคโควิด-19 ต่อไป ทั้งเรมเดสซิเวียร์ (remdesivir) ซึ่งเป็นยารักษาอีโบลา และยาผสมระหว่างโลพินาเวียร์ (lopinavir) และ ริโทนาเวียร์ (ritonavir) ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อไวรัส HIV
บริษัทสหรัฐทดลองวัคซีนในคน
ขณะเดียวกัน โนวาแวกซ์ บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐประกาศว่า ได้เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในมนุษย์ที่ออสเตรเลียแล้วและหวังว่าจะสามารถนำวัคซีนออกใช้ได้ในปลายปีนี้ โนวาแวกซ์ทดลองวัคซีนในระยะแรกกับอาสาสมัคร 131 คนในนครเมลเบิร์นและบริสเบน เพื่อทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีน ขณะนี้ทั่วโลกกำลังมีการทดลองในระยะเบื้องต้นวัคซีนโรคโควิด-19 หลายสิบชนิด ส่วนใหญ่อยู่ในจีน สหรัฐ และยุโรป
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ เริ่มที่สหรัฐ ตามชายหาดในรัฐต่างๆ ทั้งในรัฐฟลอริดา มิสซูรี นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย เซาท์แคโรไลนา และจอร์เจีย ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาพักผ่อนในวันหยุดวันรำลึกทหารผ่านศึก หรือ Memorial Day หลังหลายรัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดชายหาดให้มาพักผ่อนได้ แต่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม ภาพของผู้คนที่อยู่ใกล้ชิดกันและหลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัย เช่น ที่หาดเมอร์เทิล บีช รัฐเซาท์แคโรไลนา หาดเดย์โทนา บีช รัฐฟลอริดา และชายหาดโจนส์ บีช รัฐนิวยอร์ก ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนช่วงวันหยุด ทำให้เกิดความกังวลว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะกลับมาระบาดรุนแรงอีกระลอก ขณะที่วัยรุ่นหลายกลุ่มถูกตำรวจให้ออกจากบริเวณชายหาด เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย
เรียกร้องยกเลิกล็อกดาวน์
ส่วนที่กรุงวอชิงตัน ประชาชน และอดีตทหารผ่านศึกเดินทางมาร่วมรำลึกถึงทหารหาญตามอนุสรณ์สถานเนื่องในวันทหารผ่านศึกโดยมีตำรวจและเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ทั้งมาตรการรักษาระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่มีผู้ประท้วงบางส่วนใช้โอกาสเนื่องในวันหยุดรวมตัวชุมนุมทั้งในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองแฟรงก์เฟิร์ต รัฐเคนตักกี และเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเรียกร้องให้ทางการท้องถิ่นยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
ทั้งนี้ รัฐต่างๆ ในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่รัฐแคลิฟอร์เนียธุรกิจหลายอย่างรวมถึงศาสนสถาน อย่างเช่นโบสถ์ และมัสยิด กลับมาเปิดให้บริการได้แต่ต้องมีการจำกัดจำนวนคน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันรวมถึงมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ ยังต้องขออนุญาตจากทางการก่อนเปิดให้บริการ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ระบุว่าสมควรเปิดโบสถ์ได้แล้ว
เยอรมนีเตรียมผ่อนคลายมาตรการ
ส่วนสถานการณ์ในยุโรป หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนีรายงานว่า รัฐบาลกลางเยอรมนีเตรียมผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมลงอีกในวันที่ 29 มิถุนายน เร็วกว่าเดิมหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ถูกมุขมนตรีจากรัฐต่างๆ กดดัน แม้ว่าเธอเตือนมาโดยตลอดเรื่องใช้ความระมัดระวังเพราะเกรงว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จะระบาดระลอกใหม่ สำหรับมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมนี้ จะอนุญาตให้ประชาชนรวมตัวในที่สาธารณะได้ไม่เกิน 10 คนหรือสองครอบครัว ส่วนการไปเยี่ยมที่บ้านไม่จำกัดจำนวนคน แต่ต้องมีระยะห่างพอสมควรและอากาศถ่ายเท
ขณะที่สำนักข่าวดีพีเอ (dpa) อ้างเอกสารที่รัฐมนตรีอาจจะตกลงกันในวันพุธว่า เยอรมนีจะยกเลิกคำเตือนเดินทางสำหรับ 31 ประเทศยุโรปตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดดีขึ้น ประกอบด้วย 26 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) อังกฤษ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ เยอรมนีมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมมากเป็นอันดับเจ็ดของโลกที่ 180,789 คน และมีผู้เสียชีวิต 8,428 คน ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
อังกฤษทยอยผ่อนปรนมาตรการ
ที่อังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ แถลงว่ารัฐบาลกำลังทยอยผ่อนปรนมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในเดือนหน้าจะเริ่มอนุญาตให้ร้านค้าต่างๆ เปิดทำการได้อีกครั้ง ตลาดนัดและโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์สามารถเปิดดำเนินการได้หากมีการทำตามคำแนะนำของทางการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนร้านค้าปลีกที่ไม่มีความจำเป็นอื่นๆ จะเริ่มเปิดทำการได้ในวันที่ 15 มิถุนายน แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคด้วยเช่นกัน
ผู้นำอังกฤษยังกล่าวด้วยว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดในรัฐบาลที่กระทำการขัดต่อมาตรการควบคุมโรค แต่ก็ระบุว่ารู้สึกเสียใจต่อการกระทำของนายโดมินิค คัมมิงส์ ที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจจากกรณีที่นายคัมมิงส์เดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังเมืองเดอรัม ในช่วงที่ทางการมีมาตรการห้ามเดินทางทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นผู้ติดเชื้อในขณะที่ชาวอังกฤษได้รับคำสั่งให้อยู่กับบ้าน ส่วนท่าทีของนายคัมมิงส์ เจ้าตัวปฏิเสธที่จะกล่าวคำขอโทษและไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของนายจอห์นสัน โดยยืนกรานว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องการเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังเมืองเดอรัม ก่อนหน้านั้น นายคัมมิงส์เคยแถลงว่านายกรัฐมนตรีจอห์นสันไม่ได้รู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการเดินทางของตน แต่เขาได้แจ้งให้ผู้นำอังกฤษทราบเรื่องในภายหลัง
ซาอุฯเตรียมเยกเลิกเคอร์ฟิว21มิ.ย.
ด้านสถานการณ์ในเอเชีย ทางการซาอุดีอาระเบียจะทยอยผ่อนคลายเคอร์ฟิวตั้งแต่สัปดาห์นี้ หลังจากประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศช่วงตรุษอีดิ้ลฟิตริ หรือ เทศกาลฉลองสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เริ่มจากการให้ออกนอกเคหสถานได้ในเวลา 06.00-15.00 น.ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์ จากนั้นจะขยายเป็น 20.00 น.ตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันที่ 20 มิถุนายน และจะยกเลิกเคอร์ฟิวทั้งประเทศในวันที่ 21 มิถุนายน ยกเว้นนครเมกกะ และจะอนุญาตให้สวดมนต์นอกมัสยิดทุกแห่งในนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ส่วนคำสั่งห้ามการแสวงบุญที่กระทำได้ตลอดทั้งปีหรือที่เรียกว่าอุมเราะห์ จะยังคงใช้ต่อไปตามที่ใช้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ซาอุดีอาระเบียมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมประมาณ 75,000 คน มากที่สุดในอ่าวอาหรับ และมีผู้เสียชีวิต 400 คน อย่างไรก็ดี ทางการซาอุดีอาระเบียยังไม่ประกาศว่า การประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปีในปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะมีขึ้นหรือไม่ แต่ขอให้ชาวมุสลิมชะลอการเตรียมตัวเดินทางเอาไว้ก่อน ปีที่แล้วมีผู้แสวงบุญจากทั่วโลกเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ประมาณ 2.5 ล้านคน
เกาหลีใต้คุก4เดือนชายฝ่าล็อกดาวน์
ส่วนที่เกาหลีใต้ ชายวัย 27 ปี ชาวเกาหลีใต้ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 เดือน ฐานละเมิดการกักกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากถูกจับกุมเมื่อเดือนเมษายน หลังจากละเมิดการกักโรค 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ออกจากบ้าน ในช่วงที่เขาต้องแยกกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 14 วัน และเมื่อถูกจับก็ถูกย้ายไปยังสถานกักกันโรค แต่ต่อมาก็ยังออกมาจากสถานกักกันโรคโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก เขาถูกตัดสินว่ากระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อ อัยการได้ขอให้จำคุกเขาเป็นเวลา 1 ปี แต่ท้ายที่สุดศาลได้ตัดสินจำคุกเพียง 4 เดือน นับเป็นการตัดสินจำคุกที่เกี่ยวกับโรคดังกล่าวกรณีแรกของประเทศ หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์สภาเกาหลีใต้ก็ได้ผ่านกฎหมาย กำหนดโทษจำคุกสูงสุดหนึ่งปี หรือปรับ 10 ล้านวอน หรือประมาณ 258,350 บาท สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนการกักโรคโดยเจตนา
ป่วยทั่วโลก5.6ล้าน ตาย3.4แสน
สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงช่วงเย็นวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 พบว่า มีผู้ติดเชื้อสะสม 5,607,695 ราย เสียชีวิต 348,255 ราย รักษาหายแล้ว 2,384,533 ราย สหรัฐ มีผู้ติดเชื้อ 1,706,226 ราย เสียชีวิต 99,805 ราย บราซิล มีผู้ติดเชื้อ 376,669 ราย เสียชีวิต 23,522 ราย รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 362,342 ราย เสียชีวิต 3,807 ราย สเปน มีผู้ติดเชื้อ 282,480 ราย เสียชีวิต 26,837 ราย อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อ 261,184 ราย เสียชีวิต 36,914 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี