10 มี.ค.64 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว Lobbyist to be paid $2 million to 'explain' Myanmar's coup on behalf of junta อ้างการเปิดเผยของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์สัญชาติแคนาดา-อิสราเอล เป็นเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 62 ล้านบาท ให้ชี้แจงกับสหรัฐฯ และนานาประเทศ ถึงสาเหตุความจำเป็นของการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ที่ขณะนี้มีผู้ประท้วงต้านรัฐประหารถูกจับกุมแล้ว 1,900 คน รวมถึงมีการควบคุมตัวนักการเมืองจากรัฐบาลพลเรือน

อารี เบน-เมนาช (Ari Ben-Menashe) เจ้าของบริษัท Dickens & Madson Canada ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนรัฐบาลทหารเมียนมาในสหรัฐฯ และรวมถึงคอยชี้แจงในอีกหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) อิสราเอล รัสเซีย ตลอดจนหน่วยงานระหว่างประเทศอย่าง องค์การสหประชาชาติ (UN) นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวซึ่งมีที่ตั้งในเมืองมอนทริออล ประเทศแคนาดา จะช่วยวางแผนนโยบายการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อเมียนมา และช่วยอธิบายสถานการณ์ที่แท้จริงในประเทศ อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพเมียนมายังไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ กับเรื่องนี้

เบน-เมนาช กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้โน้มน้าวสหรัฐฯ ว่าบรรดานายพลของเมียนมาต้องการย้ายข้างออกจากจีนและเข้าหาตะวันตก นอกจากนี้ นายพลกองทัพเมียนมายังรับปากว่าจะปรับเปลี่ยนนโยบายต่อชาวโรฮิงญา ซึ่งในปี 2560 องค์การสหประชาชาติ เคยระบุว่า นายพลบางรายในเมียนมา มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

จอห์น ซิฟตัน (John Sifton) ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนเอเชีย องค์กรฮิวแมน ไรท์ วอตซ์ ให้ความเห็นว่า ตนไม่เชื่อว่า เบน-เมนาช จะโน้มน้าวสหรัฐฯ ให้เชื่อเรื่องล่าที่ต้องการนำเสนอได้ อนึ่ง มีการเปิดเผยเอกสารที่ เบน-เมนาช ยอมรับ แสดงให้เห็นว่า มีการบรรลุข้อตกลงกับนายพล Mya Tun Oo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลทหารเมียนมา ว่าจะจ่ายเงินให้บริษัท 2 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ Mya Tun Oo ถูกลงโทษจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และรัฐบาลแคนาดา การจ่ายเงินจึงจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว แต่ ปีเตอร์ คูซิก (Peter Kucik) อดีตที่ปรึกษาด้านการคว่ำบาตร กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า การที่ เบน-เมนาช ไปรับทำงานให้กับฝ่ายที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตร อาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายสหรัฐฯ ขณะที่ เบน-เมนาช ระบุว่า ตนต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และรัฐบาลแคนาดา แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำผิดกฎหมายเพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมา

“ที่นี่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคนิค แต่เราจะฝากให้ทนายความและ OFAC จัดการเรื่องนี้ ขณะนี้ทนายกำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง” เบน-เมนาช กล่าว

ที่มา reuters