7 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน ย้อนไปเมื่อปี 1941 รัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจ้างฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ส (Howard Hughes) มหาเศรษฐีพันล้าน ให้สร้างเครื่องบินลำใหญ่ยักษ์เพื่อขนทหารอเมริกัน 700 นายไปส่งยังสมรภูมิรบ โดยเครื่องบินที่ฮิวจ์สสร้างขึ้นมีชื่อว่า “สปรูซ กูซ” (Spruce Goose) ซึ่งมีความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงปลายปีกอีกข้างที่ 97.5 เมตร
80 ปีต่อมา หรือเมื่อสัปดาห์ก่อน “สตราโตลอนช์” (Stratolaunch) เครื่องบินยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสปรูซ กูซ ประสบความสำเร็จจากการทดสอบบินรอบที่สอง บนท้องฟ้าเหนือทะเลทรายโมฮาวีทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในการทดสอบที่ประสบความสำเร็จครั้งนี้ สตราโตลอนช์บินอยู่กลางเวหานาน 2 ชั่วโมงครึ่ง และแตะระดับความสูง 14,000 ฟุต
สตราโตลอนช์มีความยาวระหว่างปลายปีกสองข้าง 117.3 เมตร ใช้งานเครื่องยนต์โบอิงถึง 6 เครื่อง รูปลักษณ์ของมันคล้ายกับเครื่องบินโบอิงขนาดใหญ่ 2 ลำบินเคียงข้างกัน โดยสตราโตลอนช์จะถูกใช้งานด้านการปล่อยจรวดและยานพาหนะทางอวกาศ จากชั้นบรรยากาศที่อยู่สูงขึ้นสู่อวกาศ
“สตราโตลอนช์เพิ่มศักยภาพของสหรัฐฯ ให้กลายเป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียงของโลก โดยการทดสอบบินครั้งนี้ ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของการให้บริการทดสอบอากาศยานความเร็วเหนือเสียงชั้นนำของโลก” แดเนียล อาร์. มิลล์แมน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของบริษัทสตราโตลอนช์ ซิสเต็มส์ (Stratolaunch Systems) ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ (30 เม.ย.)
เว็บไซต์ไฟลต์โกลบัลดอตคอม (Flightglobal.com) รายงานว่าสตราโตลอนช์ ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ทดสอบบินกลางอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะที่ไลฟ์ ไซเอนซ์ (LiveScience) เว็บไซต์ข่าววิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ รายงานว่าเครื่องบินลำนี้ทดสอบบินรอบสองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 พ.ค.)
แม้ไฟลต์โกลบัลจะระบุว่าสปรูซ กูซ ซึ่งมีชื่อทางการว่า ฮิวจ์ส แอร์คราฟ เอช-4 เฮอร์คิวลิส (Hughes Aircraft H-4 Hercules) เป็นเรือเหาะขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการสร้างมา แต่เครื่องบินลำนี้ประสบความสำเร็จจากการทดสอบบินเพียงครั้งเดียว เมื่อปี 1947 โดยปัจจุบันจอดอยู่ในโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่เพื่อให้ประชาชนเข้าชมได้ ที่เมืองแมคมินน์วิลล์ของรัฐโอเรกอน
สปรูซ กูซถูกสร้างขึ้นด้วยไม้และเครื่องยนต์ใบพัดขนาดใหญ่ 8 เครื่อง ถือว่ามีกำลังและสมรรถนะต่ำกว่าสตราโตลอนช์ ซึ่งเป็นเครื่องบินวัสดุผสมคงทน (all-composite) ที่ใช้เครื่องยนต์โบอิง 747-400 จำนวน 6 เครื่อง อย่างไรก็ตาม เครื่องบินขนาดใหญ่ทั้งสองลำถูกสร้างขึ้นห่างกันถึง 80 ปี
สตราโตลอนช์ ซิสเต็มส์ โพสต์คลิปวิดีโอทางทวิตเตอร์ความยาว 2.30 นาที เผยให้เห็นการทดสอบบินรอบที่สองของเครื่องบินลำนี้ พร้อมระบุว่าสตราโตลอนช์ เป็นเครื่องบินวัสดุผสมคงทนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความแข็งแรงทางโครงสร้างสูง ซึ่งสามารถบรรทุกยานพาหนะอื่นขึ้นสู่บรรยากาศชั้นเบาบางเพื่อการปล่อยขึ้นสู่อวกาศได้
ซีเน็ตดอทคอม (cnet.com) รายงานเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าสปรูซ กูซมีความยาวระหว่างปลายปีกสองข้างใกล้เคียงกับความยาวของสนามอเมริกันฟุตบอล ขณะที่ของสตราโตลอนช์นั้นยาวยิ่งกว่า
ดิจิทัลเทรนส์ดอตคอม (Digitaltrends.com) ระบุว่าสตราโตลอนช์ ซิสเต็มส์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดยพอล อัลเลน (Paul Allen) ผู้ประกอบการมากความสามารถและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟต์ (Microsoft) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแพลตฟอร์มในชั้นบรรยากาศสตราโตเฟียร์ส เพื่อการปล่อยดาวเทียมสู่อวกาศ
หลังจากอัลเลนเสียชีวิตในปี 2018 บริษัทเซอร์เบอรัส แคปิตอล แมเนจเมนต์ (Cerberus Capital Management) จากนครนิวยอร์ก ก็ได้เข้าซื้อกิจการต่อในปี 2019 จากนั้นจึงเปลี่ยนจุดมุ่งหมายมาเป็นการทดสอบและวิจัยเทคโนโลยีด้านความเร็วเหนือเสียง
บริษัทระบุว่าเครื่องบินลำนี้เป็นฐานปล่อยรูปแบบใหม่สำหรับยานพาหนะความเร็วเหนือเสียงและยานด้านการบินและอวกาศ โดยออกแบบมาเพื่อบรรทุกยานพาหนะที่สามารถเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงถึง 6 มัค ด้วยเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงทาลอน-เอ (Talon-A) ที่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้
อนึ่ง เครื่องบินสปรูซ กูซ เมื่อปี 1947 เดินทางได้เร็วสูงสุดที่ 378.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่เครื่องบินทาลอน-เอ ถูกออกแบบให้เดินทางได้เร็วถึง 7,406 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี