สายพันธุ์เดลต้าถล่มสหรัฐ
แพร่ระบาดหนักใน 40 รัฐ
เตือนปชช.เร่งฉีดวัคซีน
อินเดียอ่วมติดทะลุ 30 ล้าน
ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกยังอ่วม ติดโควิดแล้วกว่า 179 ล้านคน ตายทะลุ 3.89 ล้านศพขณะที่อินเดียยอดป่วยทะลุ 30 ล้านรายสหรัฐเผชิญสายพันธุ์“เดลต้า”แพร่ระบาดหนักลามกว่า 40 รัฐเตือนประชาชนเร่งฉีดวัคซีน
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19จากประเทศต่างๆทั่วโลก ว่ามีผู้ติดเชื้อรวม 179,905,984คน ผู้เสียชีวิตรวม 3,897,136คน และรักษาหายรวม 164,653,745คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ว่ากระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานสถิติผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ในรอบวันที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 50,848 คนทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นอย่างน้อย 30,028,709 คน ยังคงมีผู้ติดเชื้อรักษาตัวในระบบอย่างน้อย 643,194 คนขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1,358คน ทำให้สถิติผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 390,660 คน
ขณะเดียวกัน รายงานของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียกล่าวถึงเชื้อเดลตาพลัส ที่เป็นการกลายพันธุ์อีกระดับหนึ่งของเชื้อเดลตา ซึ่งพบแล้วในอย่างน้อย 3 รัฐ ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ รัฐเกรละ และรัฐมัธยประเทศ มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 22 คน โดยผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าสายพันธุ์นี้จัดอยู่ในกลุ่มน่าวิตกกังวล
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย แถลงว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในอินเดียลดลงไปถึงร้อยละ90 จากที่เคยมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง 400,000 คน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา น่าจะเป็นผลมาจากการที่อินเดีย สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถฉีดวัคซีนได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 8.5 ล้านโดส โดยราว 2 ใน 3 เป็นการฉีดให้ชาวบ้านตามชนบท
ส่วนสื่อท้องถิ่นรายงานว่า วัคซีนโควาซิน ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัท ภารัต ไบโอเทค มีประสิทธิภาพร้อยละ 77.8 ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 3 โดยมีรายงานระบุว่าเมื่อพิจารณาข้อมูลการทดลองกับผู้เข้าร่วมทั่วอินเดีย 25,800 คน พบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 77.8 จึงได้ยื่นข้อมูลการทดลองให้กับองค์การควบคุมยาแห่งอินเดีย และเตรียมยื่นกับองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ต่อไป
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐอเมริกา ยังคงเผชิญหน้าภัยคุกคามจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ที่ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ แม้ทำเนียบขาว เผยว่าสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ไปมากกว่า 300 ล้านโดสแล้ว
นายสกอตต์กอตเลียบ อดีต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ระดับการติดเชื้อจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอัตราการฉีดวัคซีนในแต่ละพื้นที่ โดยแบบจำลองการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา บ่งชี้ว่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงพบการติดเชื้อร้อยละ 20 แต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เช่น รัฐคอนเนตทิคัต ไม่พบการติดเชื้อ แต่รัฐมิสซิสซิปปี้ อลาบามา อาคันซอ มิสซูรี พบการติดเชื้อมหาศาล โดยสายพันธุ์เดลตา พบครั้งแรกในสหรัฐฯ เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกำลังแพร่ระบาดไปยังมากกว่า 40 รัฐของประเทศ
ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานผลการวิจัยฉบับใหม่ว่าพื้นที่ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยนักวิทยาศาสตร์จากเฮลิกซ์ วิเคราะห์ตัวอย่างเกือบ 200,000 รายการ พบสายพันธุ์เดลตา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในพื้นที่ซึ่งผู้อาศัยอยู่ได้รับวัคซีนน้อยกว่าพื้นที่อื่น โดยผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าวัคซีนคือกุญแจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ต่างๆ
ด้านนาย จางจั้วเฟิง ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาและรองคณบดีฝ่ายวิจัยคณะสาธารณสุขศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่างานวิจัยเกี่ยวกับระยะเวลาออกฤทธิ์ป้องกันของวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 และเวลาที่จำเป็นต้องใช้วัคซีนกระตุ้น ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการจึงเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนโดยเร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี