เกาหลีใต้ผวาโควิดพุ่ง
ขยายคุมเข้ม2สัปดาห์
สิงคโปร์ป่วยทำนิวไฮ
วันเดียวเกือบ2,500คน
ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในสิงคโปร์พุ่งขึ้นเกือบ 2,500 คน ทำสถิตินิวไฮ เสียชีวิตเดือนเดียว 40 ศพ ขณะที่เกาหลีใต้ จ่อขยายมาตรการเว้นระยะห่างอีก 2 สัปดาห์ รับมือผู้ติดเชื้อเพิ่มเมลเบิร์นพบติดเชื้อใหม่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ สาเหตุจากการแอบรวมกลุ่มดูแข่งกีฬาในบ้าน ด้านองค์การอนามัยโลกและสภาพยาบาลระหว่างประเทศ เป็นห่วงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในแอฟริกาที่ยังคงล่าช้าอยู่มาก
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกว่า กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์รายงานสถิติผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมในประเทศอย่างน้อย 96,521 คน เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 95 ราย และยังมีผู้ติดเชื้อต้องรักษาตัวอยู่ในระบบอย่างน้อย 18,252 คน
ทั้งนี้ ในรอบ 24 ชั่วโมง มีการยืนยันผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย นับเป็นวันที่11ติดต่อกันแล้วที่สิงคโปร์ยืนยันผู้เสียชีวิตรายวันจากโรคโควิด-19 และภายในเดือน ก.ย.เพียงเดือนเดียว มีผู้เสียชีวิตมากถึง 40 ราย ขณะที่ในรอบวันเดียวกันมีประชาชนหายป่วยเพิ่มขึ้น 867 คนแต่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2,478 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ และนับเป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว ซึ่งสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 2,000 คนแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน และติดเชื้อภายในประเทศ 2,474 คน
การที่แนวโน้มผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสิงคโปร์มีแนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งในตอนนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญครั้งล่าสุดของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มีประชากรฉีดวัคซีนครบแล้ว 82% โดยมีการกลับมาบังคับใช้มาตรการควบคุมทางสังคมเข้มงวดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-24 ต.ค.นี้ เพื่อป้องกันความตึงตัวของระบบสาธารณสุขให้ได้มากที่สุดอย่างไรก็ตาม มากกว่า 98% ของผู้ป่วยที่พบในรอบ 28 วันล่าสุด มีอาการน้อยมากหรือไม่มีเลย สะท้อนประสิทธิภาพและประโยชน์ของการฉีดวัคซีนให้ครบได้เป็นอย่างดี
ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้จะขยายเวลาบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่ประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้และสุดสัปดาห์หน้า
นายคิม บู-คยอม นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้กล่าวว่า ภายใต้แผนการดังกล่าวที่จะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 4 ต.ค.นี้ เกาหลีใต้จะยังคงบังคับใช้มาตรการจำกัดระดับ 4 ที่เข้มงวดที่สุดในกรุงโซล และมาตรการจำกัดระดับ 3 ในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ร้านอาหารและคาเฟ่ในพื้นที่กรุงโซลจะสามารถเปิดให้บริการจนถึงเวลา 22:00 น. และอนุญาตให้ประชาชนรวมตัวไม่เกิน 6 คน หลังเวลา 18.00 น. หาก 4 ใน 6 คนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียออกแถลงการณ์ เรื่องการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้มีการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “โคโรนาแวค” ของบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค จากจีน กับผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปี โดยวัคซีนดังกล่าวนับเป็นรายการที่สอง ซึ่งอนุญาตให้ใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉิน กับผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ต่อจากการอนุมัติแบบเดียวกันให้กับวัคซีน”โคเมอร์เนตี” ของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภาวะฉุกเฉินซึ่งครอบคลุมกรุงโตเกียวและอีก 18 จังหวัด รวมถึงมาตรการกึ่งฉุกเฉินได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 ก.ย. หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ และภาระของระบบสาธารณสุขในประเทศได้ผ่อนคลายลง โดยธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านอาหารและสวนสนุกเตรียมพร้อมเปิดรับลูกค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีแผนที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ดำเนินการป้องกันการติดเชื้อระลอกใหม่ด้วย
ส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทางการระบุถึงสาเหตุว่ามาจากการรวมกลุ่มภายในบ้านอย่างผิดกฎหมายเพื่อดูการแข่งขันกีฬา ในขณะที่ออสเตรเลียยังคงมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่รัฐวิกตอเรียคาดการณ์ว่า ผู้ติดเชื้อเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,438 รายซึ่งพบเมื่อวันที่ 30 ก.ย. อาจมีความเชื่อมโยงกับการรวมกลุ่มสังสรรค์ในบ้านเพื่อชมการแข่งขันออสเตรเลี่ยน รูลส์ ฟุตบอล รอบแกรนด์ไฟนอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวนั้นเพิ่มขึ้น 50% จากระดับที่พบเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งอยู่ที่ 950 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า เป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในการควบคุมการแพร่ระบาด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) และสภาพยาบาลระหว่างประเทศ (ไอซีเอ็น) เผยแพร่รายงานร่วมกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกี่ยวกับความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ใน 54 ประเทศของทวีปแอฟริกา ปรากฏว่า มีเพียง 15 ประเทศเท่านั้น ซึ่งมีประชากรอย่างน้อย 10% ได้รับวัคซีนครบแล้ว
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ยังเป็นหนทางอีกยาวไกล ที่แอฟริกาจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับภูมิภาคอื่นบนโลก ในการบรรลุเป้าหมาย มีประชากรอย่างน้อย 40% ได้รับวัคซีนครบภายในสิ้นปีนี้ แม้ทวีปแอฟริกาเริ่มได้รับวัคซีนมากขึ้น ทั้งด้วยการบริจาคโดยตรงจากนานาประเทศ และการส่งมอบผ่านโครงการโคแวกซ์ โดยเมื่อดือน ก.ย.ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว ทวีปแอฟริกาได้รับวัคซีน 23 ล้านโด๊ส เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากเดือน มิ.ย. แต่การจัดสรรและกระจายวัคซีนยังมีปัญหา ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาข้อมูลจาก 9 ประเทศในทวีปแอฟริกา ปรากฏว่า 1 ใน 3 ของบุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย และมีเพียง 10% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี