ส่อหนักกว่าที่คาด
สหรัฐอาจป่วยสูงเกินรายงาน
เด็กเรียกร้องเรียนออนไลน์
สิงคโปร์ออกมาตรการเข้ม
ไม่ฉีดวัคซีนมีสิทธิ์ตกงาน
สื่อต่างประเทศเผย ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาที่ระบุอย่างเป็นทางการอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากหลายรายเสียชีวิตหลังติดเชื้อหลายเดือนซึ่งตามรอยได้ยาก ด้านสิงคโปร์ออกมาตรการเข้ม ไม่ฉีดวัคซีนอาจตกงาน
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 สื่อต่างประเทศรายงานข่าวสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าจำนวนยอดผู้ติดเชื้อในความเป็นจริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ อาทิ สำนักข่าวซินหัวของจีน อ้างความเห็นของ สกอตต์ เดวิดสัน ซีอีโอของวันอเมริกา (OneAmerica) บริษัทประกัน ที่ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐฯ น่าจะถูกนับต่ำกว่าความเป็นจริง โดยผู้ป่วยเสียชีวิตหลายรายไม่ได้ถูกนับเพราะพวกเขาเสียชีวิตหลังติดเชื้อแล้วหลายเดือน
เช่นเดียวกับสื่ออังกฤษอย่าง นสพ.เดอะ การ์เดียน ก็อ้างความเห็นของ เดวิดสัน ที่กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่มีการรายงานนั้นอาจนับน้อยกว่าความเป็นจริงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงาน และการเสียชีวิตหลังหายป่วยจากโรคโควิด-19 นั้นตามรอยได้ยาก เพราะเชื้ออาจไม่ปรากฎตอนเสียชีวิต แต่ได้โจมตีอวัยวะหรือก่อให้เกิดอาการป่วยใหม่ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า นักเรียนหลายร้อยคนในบอสตันและชิคาโกได้พากันประท้วงไม่เข้าชั้นเรียนในวันที่ 14 ม.ค. 2565 เพื่อกดดันให้โรงเรียนเปลี่ยนการเรียนการสอนไปเป็นแบบออนไลน์ ท่ามกลางการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดจากสายพันธุ์โอมิครอนนั้นได้ส่งผลกระทบต่อโรงเรียนต่างๆ ทั่วสหรัฐ โดย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักเรียนประมาณ 600 คนจากโรงเรียน 11 แห่งในบอสตันเข้าร่วมการประท้วง อย่างไรก็ตาม นักเรียนจำนวนมากได้กลับเข้าชั้นเรียนในเวลาต่อมา ขณะที่รายอื่นๆ เดินทางกลับบ้านหลังการเข้าร่วมประท้วงอย่างสันติ
คำร้องออนไลน์ของนักเรียนมัธยมปลายในบอสตันระบุว่า โรงเรียนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์โรคโควิด-19 และการเรียกร้องให้มีทางเลือกในการเรียนการสอนผ่านระบบทางไกลนั้น ได้รวบรวมลายเซ็นได้มากกว่า 8,000 รายชื่อในช่วงเช้าวันดังกล่าว ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษานักเรียนแห่งบอสตันซึ่งเรียกร้องให้มีการประท้วงไม่เข้าชั้นเรียนนั้น ได้โพสต์ข้อเรียกร้องบนทวิตเตอร์ ซึ่งรวมถึงการเรียนการสอนผ่านระบบทางไกลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่ดีขึ้นสำหรับครูและนักเรียน
อนึ่ง ยังมีรายงานจาก นสพ.เดลีเมล ของอังกฤษ อ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่คาดการณ์ว่า ชาวอเมริกันราว 5 ล้านคน อาจหยุดงานในสัปดาห์นี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะก่อให้เกิดแรงกดดันต่อธุรกิจและการคมนาคมขนส่ง โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า จำนวนผู้ป่วยในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน จะพุ่งแตะระดับสูงสุดในปลายเดือนมกราคม ขณะที่ ดร.แอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาการแพทย์ของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มตรวจพบผู้ป่วยมากกว่า 1 ล้านรายต่อวัน
ที่ประเทศรัสเซีย รัฐบาลเลื่อนการประกาศห้ามผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนไปในที่สาธารณะออกไปอีก เนื่องจากมาตรการดังกล่าวยังมีผู้ไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก ทั้งที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ยังเป็นไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าสัปดาห์หน้าอาจมีมาตรการใหม่ออกมา โดยนายเซอร์เกย์ ซอบยานิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก กล่าวว่า เชื้อโอมิครอนระบาดอย่างหนัก จนกล่าวได้ว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อในขณะนี้เป็นสายพันธุ์โอมืครอน สำหรับรัสเซียล่าสุดมีผู้ติดเชื้อโควิดสะสม 10.7 ล้านราย และเสียชีวิตสะสม 319,911 ราย
ด้านประเทศสิงคโปร์ มีรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป ผู้ที่ทำงานในสิงคโปร์ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เสี่ยงที่จะตกงาน หลังกฎใหม่ที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ทำให้ช่วงเวลาผ่อนปรนที่รัฐอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือผู้ที่ตรวจพบเชื้อเป็นลบสามารถเข้าทำงานได้จะถูกยกเลิก โดยลูกจ้างที่ไม่ฉีดวัคซีนจะต้องถูกโยกย้ายให้ทำงานที่ทำได้จากบ้านพัก หรือไม่ก็ต้องถูกให้พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง
ขณะที่ทางเลือกสุดท้ายคือให้ออกจากงาน หากพวกเขาไม่สามารถที่จะทำงานโดยไม่เข้าออฟฟิศได้ ทั้งนี้ อัตราการฉีดวัคซีนของสิงคโปร์ถือว่าสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และยังมีการออกมาตรการคุมเข้มกับผู้ที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนด้วย โดยห้ามไม่ให้ใช้บริการร้านอาหารหรือเข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดซึ่งจะส่งผลกระทบกับระบบสาธารณสุขของประเทศ พร้อมกับที่ทยอยกลับมาเปิดกิจการต่างๆ ให้ผู้คนใช้ชีวิตเป็นปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป
นสพ.คาลีจ ไทมส์ สื่อท้องถิ่นนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานว่า สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติ (เอ็นไอซีดี) ในภูมิภาคเวสเทิร์นเคป ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ เปิดเผยผลการศึกษาเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2565 ที่พบว่า ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน อาจส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้น้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้า แม้ในผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็ตาม
โดยเป็นการศึกษาซึ่งเปรียบเทียบผู้ติดเชื้อ 11,600 รายจากการระบาดทั้ง 3 ระลอกก่อนหน้า กับผู้ติดเชื้อ 5,100 รายในระลอกล่าสุดซึ่งเป็นเชื้อสายโอมิครอน ที่เริ่มระบาดในเดือน พ.ย. 2564 ทั้งนี้ รายงานจากทั่วโลกชี้ไปในทางเดียวกันว่า ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่า เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาว่าสาเหตุมาจากตัวไวรัสเอง หรือเป็นเพราะระดับภูมิคุ้มกันของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติและการฉีดวัคซีน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี