การากัส/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - เวเนซุเอลาอาจเพิ่มยอดการผลิตน้ำมันเพื่อป้อนตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องจากสหรัฐฯ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลเวเนซุเอลาชุดปัจจุบัน ส่งผู้แทนไปหารือ หลังรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว่ำบาตรภาคพลังงานและน้ำมันของรัสเซีย
เรนัลโด ควินเตโร ประธานหอการค้าน้ำมันของเวเนซุเอลาประกาศถึงเรื่องนี้ว่า เวเนซุเอลาจะเพิ่มยอดการผลิตขึ้นเป็นวันละ 400,000 บาร์เรล เพื่อช่วยทดแทนน้ำมันของรัสเซีย และว่าเวเนซุเอลามีระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันจากปัจจุบัน ผลิตได้วันละ 800,000 บาร์เรล ขึ้นไปสู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ เพื่อให้สามารถจัดส่งน้ำมันบางส่วนป้อนตลาดอเมริกาเหนือได้
คำแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เดินทางไปพบหารือรัฐบาลประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ซึ่งอยู่ระหว่างถูกสหรัฐฯ สั่งคว่ำบาตร ทำให้สมาชิกสภาคองเกรสบางคน ไม่เห็นด้วยและวิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรงที่พยายามฟื้นสัมพันธ์กัเวเนซุเอลาที่เป็นพันธมิตรเหนียวแน่นกับรัสเซีย ซึ่งกรณีนี้ ควินเตโร ระบุว่า ไม่ได้คาดหวังว่าสหรัฐฯ จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ แต่หวังจะให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกใบอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าทำธุรกิจในเวเนซุเอลาได้ ซึ่งจะเป็นช่องทางให้เงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้าอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาที่กำลังย่ำแย่ และช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือในภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน
ขณะเดียวกัน ผลจากการเดินทางไปเยือนและหารือกับรัฐบาลของมาดูโรของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่คาดหมาย ทำให้ทางการเวเนซุเอลาได้ปล่อยตัวชาวอเมริกัน 2 คนที่ถูกจับจำคุกในเวเนซุเอลาด้วย รายงานข่าวของรอยเตอร์ส ระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้แจ้งกับฝ่ายเวเนซุเอลาว่า ถ้าจะให้ยกเลิกการคว่ำบาตรภาคน้ำมัน เวเนซุเอลาต้องจัดส่งน้ำมันให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าแรก
ในอีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัลของสหรัฐฯ รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และของซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ว่า ทำเนียบขาวพยายามจัดการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานธิบดีโจ ไบเดน กับผู้นำของซาอุดีอาระเบียและยูเออีเพื่อหาความร่วมมือสนับสนุนยูเครนและควบคุมราคาน้ำมันโลก แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดีอาระเบีย และ ชีค โมฮัมเหม็ด บินซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งยูเออี ต่างปฏิเสธที่จะหารือกับผู้นำสหรัฐฯ หลังรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ต้องการให้สหรัฐฯสนับสนุนสงครามกลางเมืองในเยเมนซึ่งซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำพันธมิตรสู้รบกับกลุ่มกบฏฮูธี ที่อิหร่านสนับสนุนมากขึ้น และ ยังมีอีกสองข้อเรียกร้องสำคัญ คือ ต้องการให้สหรัฐฯ ช่วยเหลือด้านโครงการนิวเคลียร์พลเรือน และให้ความคุ้มครองทางกฎหมายกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ในสหรัฐฯ หลังถูกกล่าวหาพัวพันเหตุสังหาร นายจามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ และเป็นผู้วิจารณ์รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี