28 มิ.ย.65 สหประชาชาติ (รอยเตอร์ส) – รายงานของสหประชาชาติเผย มีผู้ใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายมากขึ้นทั่วโลก หลังจากที่การใช้กัญชาถูกทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายในหลายประเทศ และสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้คนจำนวนมากมีความเครียด และทำให้คนหันมาใช้กัญชามากขึ้นด้วย
สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมของสหประชาชาติหรือ UNODC เปิดเผยรายงานสถานการณ์ยาเสพติดประจำปีพบว่าทั่วโลกมีการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากที่หลายประเทศอนุญาตให้สูบกัญชาหรือใช้กัญชาเป็นส่วนผสมของสินค้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิดในปีที่ผ่านมา ที่มีการล็อกดาวน์ และเศรษฐกิจที่ถดถอย ก็ทำให้คนจำนวนมากเกิดความเครียดและหันมาใช้กัญชาในชีวิตประจำวันมากขึ้น
รายงานของ UNODC พบว่ากลุ่มอายุคนที่เริ่มหันมาใช้กัญชามากที่สุดคือวัยผู้ใหญ่ที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว (Young Adults) รวมทั้งกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องความเครียดและมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายก็หันมาใช้กัญชากันมากขึ้น ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่ใช้กัญชาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไร
ในปี 2020 สหประชาชาติได้มีมติถอดกัญชาออกจากบัญชีสารเสพติดอันตรายในตารางที่ 4 ซึ่งหมายถึงสารเสพติดที่อันตรายที่สุด เทียบเท่ากับเฮโรอีน เพื่อเป็นการปลดล็อกให้มีการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น แต่ยังเตือนว่าการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายยังคงมีความอันตรายอยู่
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า คนทั่วโลกประมาณ 284 ล้านคน หรือ 5.6% ของประชากรทั้งโลก เคยเสพยาเสพติดร้ายแรงอย่างเฮโรอีน โคเคน ยาบ้า ในจำนวนนี้ 209 ล้านคนเป็นผู้ใช้กัญชา ซึ่งปี 2020 ที่ผ่านมา การผลิตโคเคนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ มีการลักลอบขนส่งทางทะเลมากขึ้น โดยเฮโรอีนยังคงเป็นยาเสพติดที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุดในโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี