สื่อนอกวิเคราะห์‘ก้าวไกล’ชนะเลือกตั้ง แต่ตั้งรัฐบาลไม่ง่าย ‘สว.-ภูมิใจไทย’ยังเป็นตัวแปร
15 พ.ค.2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว Deals to be done as Thai opposition parties look to form government ระบุว่า แม้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย จะได้รับคะแนนเสียงมากกว่าพรรคขั้วรัฐบาลชุดเดิม โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่โดดเด่นจากการยึดครองแทบทุกเขตเลือกตั้งในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่
นั่นเพราะกฏกติการัฐสภาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ร่างขึ้นในยุครัฐบาลทหารที่ทำรัฐประหารในปี 2557 ที่ทำให้ฝ่ายพันธมิตรของกองทัพได้เปรียบในทางการเมือง ดังนั้นในการปกครอง อาจต้องทำข้อตกลงกับหลายค่าย รวมถึงพรรคคู่แข่งและสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่รัฐบาลทหารแต่งตั้ง ซึ่งมีประวัติสนับสนุนพรรคอนุรักษ์นิยมที่นำโดยบรรดานายพล ซึ่ง สว. มีส่วนร่วมในการลงคะแนนเสียงร่วมกันของสมาชิก 2 สภา รวม 750 ที่นั่ง ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล
พรรคก้าวไกลได้รับการกระตุ้นจากคลื่นแห่งความตื่นเต้นในหมู่เยาวชนเกี่ยวกับวาระเสรีนิยมและคำสัญญาของการเปลี่ยนแปลงที่กล้าหาญ รวมถึงการเลิกผูกขาดและการปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พรรคก้าวไกลรุกคืบในฐานที่มั่นฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางแห่ง และเพิ่มมิติใหม่ให้กับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ 2 ฝ่ายเดิม คือมหาเศรษฐีตระกูลชินวัตรซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังพรรคเพื่อไทย กับขั้วการเมืองที่สนับสนุนจากกองทัพ ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายปี
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (Pita Limjaroenrat) หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ว่า พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย แต่แพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะหารือ ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดจัดงานแยกต่างหากในวันที่ 15 พ.ค. 2566
จากการคำนวณของรอยเตอร์ ทั้งสองพรรคมีจำนวนที่นั่งมากกว่าสามเท่าของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นฐานทางการเมืองของอดีตรัฐบาลทหาร และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayuth Chan-ocha) แม้ผลลัพธ์เบื้องต้นสำหรับกองทัพและพันธมิตรอาจเหมือนถูกค้อนทุบ แต่ด้วยกฎของรัฐสภาและนายหน้าที่มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง พวกเขายังคงมีบทบาทในรัฐบาลได้
พรรคภูมิใจไทย พรรคระดับภูมิภาคที่เคยร่วมรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้ที่นั่ง ส.ส. มาเป็นในอันดับที่ ทำให้พรรคนี้อยู่ในสถานะต่อรองที่แข็งแกร่งกับทั้งพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพและพรรคการเมืองขั้วฝ่ายค้านเดิม ทั้งนี้ เจย์ แฮร์ริแมน (Jay Harriman) ผู้อำนวยการอาวุโสของ BowerGroupAsia ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง กล่าวว่าผลลัพธ์ที่ได้คือ "การปฏิเสธอย่างชัดเจนต่อการเมืองแบบเก่าของไทย" แต่แผนการปฏิรูปเชิงโครงสร้างของพรรคก้าวไกล อาจทำให้แผนดังกล่าวขัดแย้งกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมจารีตและกองทัพ
“ความตึงเครียดอาจเพิ่มสูงขึ้นหากรัฐบาลชุดต่อไปดำเนินการอย่างจริงจังตามคำมั่นสัญญาในการหาเสียง แนวร่วมพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยังคงต้องการถึง 376 ที่นั่งในสภาที่จำเป็นเพื่อรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีการเลือกตั้งเพื่อชนะคะแนนเสียงจากวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือหันไปหาการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทยแทน” แฮร์ริแมน กล่าว
ที่มา reuters
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี