ประเด็นใหญ่ของสังคมไทยตอนนี้ ถ้าไม่นับเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนทะลุปรอทอยู่ในตอนนี้ แต่ในมิติเศรษฐกิจสังคม ที่เป็นประเด็นมาต่อเนื่องคือการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนอยู่ในนั้น โดยให้เหตุผลว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศได้ แต่กลับถูกประชาชน ภาคประชาชนหลายภาคส่วนคัดค้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงเรื่อง “การพนัน” จัดเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัย ทำให้มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนเดินหน้าโครงการป้องกัน แก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ได้มีการจัดเวทีสรุปบทเรียน“การสร้างพื้นที่สุขภาวะในสถานประกอบการ” ซึ่งได้นำเสนอพัฒนาการของโครงการ “พัฒนาและยกระดับแกนนำแรงงานสู่การสร้างพื้นที่สุขภาวะนำร่อง ลด ละ เลิกการพนันในสถานประกอบการ” โดย วงศ์จันทร์ จันทร์ยิ้ม เจ้าหน้าที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
ทั้งนี้ วงศ์จันทร์ ได้อธิบายถึงโครงการ เฟสแรกที่ดำเนินการเมื่อปี 2562 ภายใต้ชื่อ “โครงการศึกษาสถานการณ์การพนันในสถานประกอบการ” โดยร่วมมือกับสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งไทยและสถานประกอบการเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งในเฟสแรกมีข้อค้นพบว่า การพนันที่แรงงานนิยมเล่นมากเป็นอันดับ 1 คือ “การพนันออนไลน์”
ทั้งนี้เมื่อทราบข้อมูล ทราบพฤติกรรม จึงนำมาออกแบบกิจกรรม “อบรมให้ความรู้” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านพนันที่เป็นเครือข่ายฯ มาเป็นวิทยากร และนำสู่การพัฒนาแกนนำเครือข่ายเป็นวิทยากร ประกอบกับเดินหน้างานรณรงค์สื่อสาร ส่งเสริมการทำกิจกรรมเชิงบวก อาทิ เล่นกีฬา ปลูกผัก เป็นต้น
ต่อมาเฟส 2 “โครงการลด ละ เลิกการพนัน สร้างความรู้ความเท่าทันในสถานประกอบการ” เป็นการต่อยอดมาจากเฟสแรก โดยพัฒนาศักยภาพแกนนำฝ่ายสหภาพแรงงาน ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) มุ่งให้ความสำคัญในการให้คำปรึกษา ทางออกของคนที่ได้รับผลกระทบจากการเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งพบข้อมูลว่าการพนันออนไลน์จะเชื่อมโยงไปสู่เรื่อง “การกู้เงินออนไลน์” และ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” พฤติกรรมคือเมื่อพนักงานติดพนัน กู้เงินออนไลน์ ก็จะมีการติดตามทวงหนี้ไปจนถึงญาติ และเพื่อนร่วมงานด้วย ตลอดจนถูกหลอก ล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายตามมา และจากข้อมูลที่ได้ก็ทำให้มีการประสานความร่วมมือกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน สภาองค์กรของผู้บริโภคในการจัดเวทีร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป
“การให้คำปรึกษาต้องฟังให้มาก ไม่บอกวิธีแก้ปัญหา 1, 2, 3, 4, 5 ว่าเขาจะต้องทำอย่างไร แต่ส่งเสริมให้ผู้ที่มีปัญหาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือต้องรักษาความลับ ย้ำว่า การลงลึกในการให้คำปรึกษาในผู้ที่ติดพนันนั้น ต้องประสานผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ หน่วยงานองค์กร เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน”
สำหรับโครงการล่าสุด คือ เฟส 3 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2566 - 18 เม.ย. 2567 ในชื่อ “โครงการพัฒนาและยกระดับแกนนำแรงงานสู่การสร้างพื้นที่สุขภาวะนำร่อง ลด ละ เลิกการพนันในสถานประกอบการ” ซึ่งวงศ์จันทร์ อธิบายว่า กลุ่มเป้าหมายในเฟสนี้คือ เครือข่ายสหภาพแรงงาน เพราะเป็นผู้ที่มีต้นทุนในการทำงานเรื่องสิทธิแรงงาน มีความเข้าอกเข้าใจพนักงานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแกนนำสหภาพ หรือฝ่าย HR ซึ่งการรวมเครือข่ายนี่ต้องเรียกว่าเป็นคือจุดแข็งของการทำงาน
แต่จุดอ่อนอย่างที่บอก คือกลุ่มผู้เล่นพนันยังไม่ค่อยกล้าเปิดเผยตัวเอง เพราะมีความเชื่อว่าหากเปิดเรื่องเหล่านี้แล้ว ทางบริษัทจะต้องลงโทษแน่นอน รวมถึงแกนนำอาจจะมีทักษะในเรื่องการทำงานเชิงลึกไม่มากนัก ตลอดจนข้อจำกัดในเรื่องของเวลาในการทำงาน ทำให้มีเวลาไม่มากในการทำกิจกรรม เช่น ใช้ช่วงพกเที่ยง หรือช่วงเวลาที่บริษัทมีกิจกรรมพิเศษ แข่งกีฬา หรือวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นความโชคดีที่ฝ่ายบริหารบริษัทหลายพื้นที่เขาให้ความร่วมมือ และสนับสนุนทั้งทรัพยากร สนับสนุนพื้นที่ในการทำกิจกรรม
นอกจากนี้ เรายังเป็นสมาชิกของสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายมนัส โกศล เป็นประธาน ที่คอยให้การสนับสนุนทั้งความรู้ และเครือข่ายที่จะมาทำงานร่วมกันเพิ่มเติม แบ่งปันประสบการณ์ มีพื้นที่ต้นแบบให้ศึกษา
อย่างไรก็ตาม ยังมีภัยคุกคามที่ทำให้โครงการลด ละเลิกการพนันในสถานประกอบการประสบผลสำเร็จไม่มากนัก ประการแรกเลยคือ “กลยุทธ์ของพนันออนไลน์” ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนเพื่อหลีกเลี่ยงหลีกหนีจากการสกัด ป้องกัน จนทำให้เหมือนกับว่า เราเป็นฝ่ายตามหลัง ที่วิ่งเท่าไหร่ก็ตามไม่ทัน อุปสรรคต่อมาคือ “ช่องว่างทางกฎหมาย” ที่ไม่สามารถดำเนินการป้องกัน ควบคุมการพนันออนไลน์ แก๊งมิจฉาชีพต่างๆ ได้ เหมือนกับว่าประชาชนต้องดูแลตัวเอง
และภัยคุกคามที่สามมาจาก “การรายงานข่าวของสื่อมวลชน” ที่มักนำเสนอข่าว คนถูกรางวัลที่ 1 รางวัลที่ 2 รวมถึงการนำเสนอข่าวการใบ้หวย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โชค ทำให้คนมีความหวังว่าสักวันจะต้องเป็นตัวเองบ้าง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จากการทำโครงการมาทั้ง 3 เฟส ทำให้ได้รับประโยชน์ คือ 1. ฝึกการเป็นคนที่มีจิตอาสา เครือข่ายที่เสียสละมาร่วมกันทำงานเพื่อสังคม
2. เราก็ได้พัฒนาทักษะ พัฒนาศักยภาพ มีการพัฒนาวิธีคิดของตัวเอง จากเดิมที่มองผู้ที่เล่นการพนันว่าเป็นปัญหาของแต่ละบุคคล อยากเล่นพนัน สร้างหนี้สิน คิดไม่ได้ก็เล่นไป แต่ตอนนี้แทบจะทุกพื้นที่ที่ร่วมโครงการ ก็ปรับวิธีคิดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคนเล่นพนันเพียงคนเดียว และเราในฐานะที่มีบทบาทอยู่ในสถานประกอบการเดียวกัน หรือแม้กระทั่งสหภาพแรงงาน ที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ตลอดจน HR ที่มีหน้าที่จะต้องดูแลพัฒนาศักยภาพทรัพยากรบุคคลในสถานประกอบการ
“เขาเข้ามาแล้ว มาทำงานนี้แล้ว เราก็เปลี่ยนมุมมองวิธีคิด ไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนผิด คนร้าย แล้วก็ลงโทษ หรือตัดออกจากสังคม”
นอกจากการสรุปบทเรียนในโครงการฯ แล้ว ยังได้เชิญ แกนนำสรุปบทเรียนการดำเนินการสร้างพื้นที่สุขภาวะนำร่องลด ละ เลิกการพนันในสถานประกอบการ 6 แห่ง ซึ่งมีทั้งฝ่าย HR ฝ่ายจัดซื้อ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งแต่ละคนได้แบ่งปันประสบการณ์ในการรับโครงการ และนำไปปรับปรุง วางแนวทางการทำงานเพื่อลด ละ เลิก การพนันในสถานประกอบการของตัวเอง โดยสรุปใจความได้ว่า ส่วนใหญ่ ยอมรับว่า “การพนัน” เป็นหนึ่งในวิถี หรือวัฒนธรรมที่อยู่กับสังคมไทยมานานการจะบังคับ หักดิบให้เลิกในทันทีนั้นเป็นไปได้ยาก แต่อย่างน้อยความพยายามในการทำโครงการนี้ ก็หวังเพียงเพื่ออย่างน้อย จะ “ลด” การเล่นพนันลงได้บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพราะต่างเคยเห็นกับตามาแล้วว่า แรงงาน หรือว่าลูกจ้างในสถานประกอบการของตนเองนั้น มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ตกเป็นทาสการพนัน ตั้งแต่ระดับหวยใต้ดิน พนันฟุตบอล ที่มีคนเดินโพย จนกระทั่งพัฒนาไปเป็นการพนันออนไลน์ ที่ตรวจจับได้ยาก
ในการเสวนาวงนี้ มองว่า การพนันเป็นสิ่งที่เข้ามากระทบกับสุขภาพของคนทำงาน ทั้งสุขภาพทางกาย และสุขภาพใจ นอกจากเป็นหนี้พนันแล้ว ยังเป็นหนี้จากการต้องไปกู้หนียืมสินมาจ่ายหนี้การพนันอีกทอดหนึ่ง กลายเป็นวงจรอุบาทถ์ ที่ไม่สามารถออกไปได้ หรือออกไปได้ยาก บางคนถูกกลุ่มคนชุดดำมาเกาะรั้ว รอเก็บเงินช่วงวันเงินค่าแรงออกเลย บางคนถูกยึดบัตร ATM ไว้ พอเงินออกก็ต้องกดให้เขา สิ่งเหล่านี้ กระทบกับสุขภาพอย่างที่บอก
แน่นอนว่า เมื่อคนทำงานมีปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพใจ ย่อมส่งผลต่อการทำงานในสถานประกอบการไม่เต็มร้อย จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในองค์กรที่พยายามหากิจกรรม หรือโครงการที่จะนำไปสู่การ ลด ละ เลิก การพนันในสถานประกอบกิจการให้ได้ ถึงไม่หมดจด แต่ลดลงบ้างก็ยังดี เช่น การเล่นกีฬา ปลูกผัก การตั้งสหกรณ์ เปลี่ยนเงินหวยเป็นเงินออม หรือแม้กระทั่งกิจกรรมประชุม อบรมต่างๆ ของสถานประกอบการที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว ก็สามารถแทรกการณรงค์ลด ละ เลิกการพนันได้ เป็นต้น และที่สำคัญต้องสานต่อโครงการดีๆ เช่นนี้ต่อไปให้นานที่สุด
โดย สรุปรูปแบบการทำงานมี 4 ขั้นตอน 1. จัดตั้งกลุ่มแกนนำ 2. การพัฒนาแกนนำ 3. การออกแบบกิจกรรม ที่เหมาะสมกับพนักงานที่หลักๆ จะแบ่งได้ 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ยังไม่เคยเล่นพนัน หรือยังไม่มีประสบการณ์เลย กลุ่มที่ 2 มีประสบการณ์เล่นพนันแล้วแต่ยังไม่เกิดผลกระทบชัดเจน กลุ่มที่ 3 ติดพนัน และเกิดผลกระทบอย่างเลิกไม่ได้แล้ว และกลุ่มที่ 4 มีประสบการณ์เล่นพนันและเลิกเล่นแล้ว
และ 4. การขับเคลื่อนกิจกรรม ซึ่งจะนำมาสู่ความสำเร็จ ตลอดจนการประสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ มีต้นแบบที่ดี
ปิดท้ายที่ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่พูดถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานกับการทำงานทางสังคม ไว้สั้นๆ ว่า เรื่องการพนันนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ถือว่ามีส่วนกระทบกับสิทธิต่างๆ ของแรงงาน โดยเฉพาะ “สิทธิในความเป็นคน” ซึ่งสำคัญมากทุกคนต้องได้รับการใส่ใจ ไม่มีใครเหนือกว่าใคร คนกินเหล้า เล่นพนัน อาจจะถูกตีตรา ว่าเป็นคนชั่ว แต่ตนไม่ได้เชื่อเช่นนั้น ตนเชื่อว่าคนเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะปัญหาเหล้า การพนันไม่ได้มาจากนิสัย แต่อาจมีปัญหาการไม่มีทางเลือกบางอย่าง
ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจเรื่องความเป็นมนุษย์ ถึงจะสามารถทำงานร่วมกับคนทุกกลุ่มได้ นี่จะทำให้สหภาพแรงงานถูกยกระดับ ทั้งนี้สหภาพไปไกลมากโดยทำเรื่องการให้คำปรึกษาปัญหาของคน เพราะฉะนั้น ต้องช่วยกันผลักดัน เพื่อให้เห็นว่าสหภาพไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้แต่คนเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี