16 พ.ย. 2565 South China Moring Post หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของฮ่องกง เสนอข่าว Tell China to ease zero-Covid policy on human rights grounds, US congressional panel hears ระบุว่า เอี๋ยนจง หวง (Yanzhong Huang) นักวิชาการอาวุโสด้านสาธารณสุขระดับโลกแห่งสภาวิเทศสัมพันธ์ (CFR) องค์กรคลังสมองด้านนโยบายการต่างประเทศที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา เรียกร้องต่อสภาคองเกรส ขอให้สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนจีนให้ยุตินโยบาย “ซีโร่โควิด (Zero COVID)” หรือแผ่นดินปลอดโควิด
หวง เข้าชี้แจงกับ คณะกรรมาธิการรัฐสภาและผู้บริหารของจีน (CECC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมในจีนโดยเฉพาะ และรายงานต่อสภาฯ รวมถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า การที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในจีนมีจำนวนน้อย มีราคาที่ต้องจ่ายคือสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพของพลเมือง
“มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดของจีนทำให้ภัยพิบัติระดับ 2 รุนแรงขึ้น เนื่องจากขัดขวางการเข้าถึงอาหารและการรักษาพยาบาลสำหรับอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ดังนั้นการเคลื่อนย้ายออกจากแนวคิดซีโร่โควิดเป็นหนทางที่ฉลาดเพียงทางเดียวในการก้าวข้ามสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในด้านสิทธิมนุษยชน” หวง กล่าว
เช่นเดียวกับ ซาราห์ คุก (Sarah Cook) ผู้อำนวยการวิจัยในส่วนของจีน ฮ่องกงและไต้หวัน ของฟรีดอมเฮาส์ (Freedom House) องค์กรคลังสมองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการวิจัยและสนับสนุนด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ที่กล่าวกับ CECC ว่า ทาวการจีนพยายามอย่างมากในการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลทั้งประชาชนชาวจีนและประขาคมระหว่างประเทศ เกี่ยวกับเงื่อนไขในพื้นที่ที่ประกาศล็อกดาวน์
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ระยะหลังๆ ประชาชนชาวจีนเริ่มไม่พอใจแนวทางควบคุมโรคจากรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ อาทิ แรงงานย้ายถิ่นที่เข้าไปทำงานในโรงงานทอผ้าที่เมืองกวางโจว ทางภาคใต้ของจีน ก่อการประท้วงเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ย. 2565 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการปิดเมือง ข้อมูลเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2565 ยังชี้ผลกระทบทางเศรษฐกิจของจีนจากการล็อกดาวน์ ต่อทั้งการผลิตและบริโภคที่ชะงักงันในเดือน ต.ค. 2565
ในวันที่ 11 พ.ย. 2565 ทางการจีนเริ่มเผ่อนคลายข้อจำกัดบางประการในการควบคุมโรค โดยหวังลดผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การลดวันกักตัวจาก 7 วัน เหลือ 5 วัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งแม้บรรดานักเศรษฐศาสตร์และกลุ่มธุรกิจจะยินดีกับแนวทางนี้ แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังอยู่บนเส้นทางที่ไม่ราบเรียบนัก ดังนั้นจึงต้องผ่อนคลายมาตรการให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญ ผ่าน CECC ขอให้เพิ่มความพยายามในการเจรจาระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ
ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการพบกันระหว่าง สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีจีน และ โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือน ม.ค. 2564 โดย รอรี ทรูกซ์ (Rory Truex) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า จุดยืนแผ่นดินปลอดโควิดกลายเป็นสิ่งปกคลุมสำหรับจีน ไม่เพียงการสอดส่องควบคุมทางการเมืองต่อพลเมือง แต่รวมถึงชาวต่างชาติยังเดินทางเข้าจีนยากขึ้นด้วย
“เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะใช้การหารือระหว่างผู้นำสูงสุดของจีนและสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลและการนำชาวอเมริกันกลับไปที่จีน เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ ที่ชาวอเมริกันจะเดินทางไปเรียนภาษาจีนและเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศจีน และเราก็สนใจหากจะมีชาวจีนเดินทางมาเรียนที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ซึ่งบางครั้งอาจหลอมรวมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญหลักของเรา การแลกเปลี่ยนบุคคลอาจเป็นประโยชน์ต่อการรักษาเสถียรภาพในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในขณะที่ยังคงยอมรับการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ของทั้ง 2 ชาติ” ทรูกซ์ ให้ความเห็น
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ภายหลังการพบกันระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนจีนเป็นครั้งแรก และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนบุคคลในด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม People’s Daily หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานข่าวเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2565 ยืนยันจีนจะยึดแนวทางแผ่นดินปลอดโควิดต่อไป แต่มีการปรับเปลี่ยนมาตรการให้แม่นยำและเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ทั้งหวงและทรูกซ์ เห็นตรงกันว่า มาตรการใหม่ 20 ข้อ ที่ทางการจีนประกาศล่าสุด ไม่ได้หมายถึงการยุตินโยบายซีโร่โควิด แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย หวง มองว่า การยึดมั่นแนวทางรับมือโควิด-19 ของจีนเป็นการแสดงออกถึงการแข่งขันระหว่างระบอบการเมืองของจีนกับตะวันตก ดังนั้นการยุตินโยบายซีโร่โควิดจึงหมายถึงการยอมรับในความล้มเหลว แต่นโยบายดังกล่าวยังทำให้เกิดช่องว่างด้านภูมิคุ้มกันระหว่างชาวจีนกับชาวต่างชาติ เนื่องจากจีนไม่ยอมรับวัคซีนที่ผลิตในต่างประเทศ แต่เน้นพึ่งพาวัคซีนของจีนที่ประสิทธิภาพด้อยกว่า นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหากวันหนึ่งจีนผ่อนคลายมาตรการ เพราะจำนวนผู้ต้องเข้าโรงพยาบาลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทรูกซ์ กล่าวเสริมว่า แนวคิดแผ่นดินปลอดโควิดเป็นเรื่องทางการเมืองที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างต้องพยายามดิ้นรนให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการปลอมแปลงข้อมูล และมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานเพื่อแสดงความกระตือรือร้นให้ผู้นำจากส่วนกลางเห็น แต่ก็ไม่ง่ายที่จะกลับหลังหัน เพราะแนวคิดดังกล่าวผูกติดอยู่กับผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นการส่วนตัว ซึ่งในฐานะนักรัฐศาสตร์ ตนมองว่านี่คือจุดอ่อนอย่างหนึ่งของระบอบการเมืองจีน
ขอบคุณเรื่องจาก scmp
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทนไม่ไหวแล้ว! ชาวจีนประท้วงเดือดที่กวางโจว ต้านล็อกดาวน์ซีโร่โควิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี