มอสโก (รอยเตอร์ส/อัลจาซีรา) - ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซียปฏิเสธคำกล่าวอ้างของชาติตะวันตกที่ระบุว่า กลุ่มสนับสนุนยูเครนเป็นผู้ก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีมเมื่อปีที่แล้ว โดยกล่าวย้ำว่า สหรัฐฯ อาจเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ พร้อมเปรย เยอรมนียังคงถูกต่างชาติยึดครองเหมือนครั้งแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
ประธานาธิบดีปูติน ให้สัมภาษณ์สื่อรัสเซีย ว่าสหรัฐฯมีแรงจูงใจในการโจมตีท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีมใต้ทะเลบอลติก เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการยุติ
การส่งออกก๊าซที่มีราคาถูกของรัสเซียไปยังยุโรป และต้องการขายก๊าซแอลเอ็นจีที่มีราคาแพงกว่าให้กับยุโรปแทน เขากล่าวว่า ในทางทฤษฎี สหรัฐฯ สนใจที่จะหยุดการส่งพลังงานรัสเซียมายังตลาดยุโรปอยู่แล้วและส่งพลังงานของตนเองมาแทน นอกจากนี้ การระเบิดที่ทรงพลังและใต้ทะเลลึกเช่นนี้ สามารถทำได้ด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีรัฐที่มีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
คำกล่าวของปูตินมีขึ้นหลังทั้งสื่อหลายสำนักของสหรัฐฯ ทั้ง เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ และวอชิงตัน โพสต์ ตลอดจนสื่อเยอรมนี รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ที่เผยว่า หลักฐานบ่งชี้ว่ายูเครน หรือไม่ก็กลุ่มผู้สนับสนุนยูเครน อาจเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลยูเครนปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีนี้ สื่อเยอรมนียังรายงานด้วยว่าพนักงานสอบสวนเชื่อว่า มีชาย 5 คน และหญิง 1 คน ใช้เรือยอชต์ที่เช่าโดยบริษัทสัญชาติยูเครนในโปแลนด์ ออกไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทำเนียบเครมลินระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เป็นการแต่งเรื่องของชาติตะวันตก ขณะที่ปูตินยืนยันว่าการโจมตีลักษณะนี้ทำได้ด้วยระดับรัฐเท่านั้น และข้อสรุปที่ว่ากลุ่มสนับสนุนยูเครนเป็นคนทำนั้นเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี
ขณะเดียวกัน ปูตินยังให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล กล่าวถึงปฏิกิริยาของเยอรมนีต่อการระเบิดของท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม ว่า แสดงให้เห็นว่าเยอรมนียังคงถูกยึดครอง และไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นอิสระมาหลายทศวรรษ หลังจากยอมแพ้เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ปูตินบอกว่า เยอรมนีไม่เคยเป็นรัฐอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ หลังจากช่วงหนึ่ง สหภาพโซเวียตได้ถอนกำลัง และยุติการยึดครองเยอรมนีไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับกรณีชาวอเมริกัน พวกเขายังคงยึดครองเยอรมนีอยู่
ด้านโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติเผยว่า การระเบิดท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม 1 และ 2 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ท่อส่งก๊าซใช้การไม่ได้และเกิดการรั่วไหลของก๊าซมีเทนในทะเลบอลติกในครั้งเดียวมากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกสถิติมาขณะที่เรือของบริษัทก๊าซพรอม บรรษัทพลังงานของรัสเซีย ได้ออกไปตรวจสอบพื้นใต้ทะเลใกล้กับจุดเกิดเหตุ และพบเสาอากาศใกล้กับจุดแยกระหว่างท่อต่างๆ ห่างจากจุดระเบิดราว 30 กิโลเมตร ซึ่งปูตินเชื่อว่า มีการวางเสาดังกล่าวไว้ใต้ท้องทะเลเพื่อจุดชนวนระเบิดอีก แต่ไม่ได้เกิดระเบิดขึ้นโดยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด และเขาเรียกร้องให้ทางการเดนมาร์กตั้งทีมสอบสวนรอบบริเวณดังกล่าวอย่างละเอียด