วันที่ 1 กันยายน 2566 สถานีโทรทัศน์ ABC News สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ Some in Africa are celebrating the coups. Many are fed up and desperate for change, analysts say เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2566 ว่าด้วยเหตุการณ์รัฐประหารที่ประเทศกาบอง ในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีความน่าสนใจตรงที่ประชาชนต่างออกมาแสดงความยินดีบนท้องถนน เมื่อกองทัพทำการยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของประธานาธิบดี อาลี บองโก (Ali Bongo) ในวันที่ 30 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา เป็นการสิ้นสุดการมีอิทธิพลในประเทศนี้อย่างยาวนานถึง 55 ปี ของตระกูลบองโก
เหตุการณ์นี้กำลังกลายเป็นฉากที่คุ้นเคยในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ซึ่งมีการรัฐประหารมาแล้ว 8 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2563 โดย เฮอร์มานน์ เอ็นกูลู (Hermann Ngoulou) ผู้อยู่อาศัยในกรุงลิเบรอวิลล์ เมืองหลวงของกาบอง กล่าวว่า มันเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชน ประเทศกำลังประสบกับวิกฤตครั้งใหญ่ในทุกระดับ เนื่องจากธรรมาภิบาลที่ไม่ดี ค่าอาหารที่สูงขึ้น และค่าครองชีพที่สูง
มีการจัดทำบันทึกเหตุการณ์รัฐประหารประมาณ 100 ครั้งทั่วทวีปแอฟริกานับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 (ปี 2493-2502) นักวิเคราะห์ระบุว่า การฟื้นตัวของการยึดอำนาจทางทหารมักได้รับแรงกระตุ้นจากการลดการปันผลของระบอบประชาธิปไตย ในกาบอง การรัฐประหารเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากต่างประเทศถูกห้ามเป็นครั้งแรก
ทิเซเก กาซัมบาลา (Tiseke Kasambala) ผู้อำนวยการโครงการแอฟริกาของ Freedom House องค์กรส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐฯ กล่าวว่า นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกในภูมิภาคที่มักถูกกล่าวหาว่าการเลือกตั้งมีข้อบกพร่อง ผู้นำที่สืบทอดกันมายาวนาน พยายามขยายหรือยกเลิกการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง และพื้นที่พลเมืองถูกกัดเซาะเพราะการปกครองที่ไม่เหมาะสม ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ก็คือความไม่พอใจและความคับข้องใจที่แพร่หลายในหมู่ประชาชน
ถึงกระนั้น ประเทศในแอฟริกาที่ปกครองโดยระบอบการปกครองต่างๆ ต้องเผชิญกับหลักนิติธรรมที่ล้มเหลว การจับกุมและคุมขังตามอำเภอใจเพิ่มขึ้น การห้ามการประท้วงอย่างสันติ และการไม่ต้องรับผิดต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่กระทำโดยกองกำลังทหาร นอกจากนั้น ระบอบการปกครองบางส่วนได้รับการสนับสนุนเนื่องจากกองกำลังภายนอกรุกล้ำ โดยอ้างถึงอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส เช่น มาลี ไนเจอร์ และบูร์กินาฟาโซ ซึ่งรับรู้ถึงการแทรกแซงของฝรั่งเศสในกิจการของรัฐบาลและสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นการหนุนกำลัง ผู้ปกครองเผด็จการได้สร้างความรู้สึกต่อต้านฝรั่งเศสอย่างกว้างขวาง
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อย่างน้อย 27 หรือครึ่งหนึ่งของ 54 ประเทศในแอฟริกาอยู่ในหมู่ 30 ประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดในโลก ตามดัชนีการพัฒนามนุษย์ล่าสุดของสหประชาชาติ (UN) ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ซึ่งมักมีทรัพยากรธรรมชาติที่ให้ผลกำไรมากมายแต่ประชาชนทั่วไปแทบไมได้รับประโยชน์ ดังที่ เรมี อเดโคยา (Remi Adekoya) อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยยอร์ก ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ความล้มเหลวของผู้นำในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้คนหงุดหงิดและสิ้นหวัง
“ชาวแอฟริกันไม่คิดว่าแนวคิดเรื่องการปกครองโดยทหารนั้นยิ่งใหญ่ มันเป็นความผิดหวังในสิ่งที่ควรจะเป็นจากการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ทำให้ประชาชนไม่ต่อต้านเผด็จการทหาร โดยหากไม่แสดงท่าทีสนับสนุนการรัฐประหาร อย่างน้อยก็คือการไม่ออกไปต่อต้าน ผู้นำที่ควรจะเป็นนักประชาธิปไตยไม่ปฏิบัติตามครรลองแห่งประชาธิปไตย และผู้คนต่างสงสัยว่าอะไรอยู่ในระบบนี้สำหรับฉัน” อเดโคยา กล่าว
นักรัฐศาสตร์ผุ้นี้ ยังกล่าวอีกว่า กองทัพที่ทำรัฐประหารในกาบองอ้างว่าได้ยึดอำนาจเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งเป็นแนวทางที่คุ้นเคยในการทำรัฐประหารในที่อื่นๆ สิ่งที่ให้กำลังใจมากที่สุดสำหรับผู้วางแผนรัฐประหารในปัจจุบันคือปฏิกิริยาของฝูงชนต่อการรัฐประหาร ความจริงที่ว่าบนถนนหลายสายในประเทศเหล่านี้ ผู้คนออกมาเฉลิมฉลองกัน แต่ระบอบการปกครองของทหารยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับธรรมาภิบาล
ในประเทศมาลี ซึ่งทหารอยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2563 กลุ่มรัฐอิสลามได้เพิ่มดินแดนที่พวกเขาควบคุมเกือบสองเท่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ตามที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติระบุ และในบูร์กินาฟาโซซึ่งเกิดรัฐประหารสองครั้งในปี 2563 การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.5 ในปี 2565 หลังจากเติบโตแข็งแกร่งถึงร้อยละ 6.9 ในปีก่อนหน้า ในประเทศอื่นๆ เช่น ชาด ระบอบการปกครองของทหารถูกกล่าวหาว่ามีการควบคุมผู้เห็นต่าง ซึ่งบางครั้งก็รุนแรงถึงขั้นเอาชีวิต
“ในท้ายที่สุดแล้ว ชาวแอฟริกันที่เบื่อหน่ายกับกฎเกณฑ์ที่ผิดๆ มานานหลายทศวรรษกลับไม่เรียกร้องอะไรมากนัก ผู้คนเพียงแค่ขอให้ปรับปรุงโชคลาภของพวกเขาเล็กน้อย ความรู้สึกมั่นคงเล็กน้อย และการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม เมื่อคุณมีคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าระบบใช้งานไม่ได้สำหรับฉัน แสดงว่าระบบนั้นกำลังประสบปัญหา” อเดโคยา กล่าวย้ำ
การสำรวจของเครือข่ายวิจัย Afrobarometer ในปี 2566 พบว่าจำนวนผู้ที่สนับสนุนประชาธิปไตยและการเลือกตั้งในแอฟริกาลดลง มีเพียงร้อยละ 68 ของผู้ตอบแบบสอบถามใน 34 ประเทศ ที่ตอบว่าชอบประชาธิปไตยมากกว่าระบอบการปกครองอื่นๆ ซึ่งลดลงจากร้อยละ 73 ในทศวรรษที่แล้ว ความสัมพันธ์ที่สำคัญถูกสร้างขึ้นระหว่างจำนวนชาวแอฟริกันที่รายงานการทุจริตจำนวนมากในทำเนียบประธานาธิบดีและความไม่พอใจต่อระบอบประชาธิปไตย ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เชื่อว่าการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือที่ไม่สมบูรณ์แต่จำเป็นในการเลือกผู้นำของพวกเขา
ในการเลือกตั้งของกาบองเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2566 ทางการได้สั่งตัดการให้บริการอินเตอร์เน็ต และเมื่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตกลับมาใช้งานได้อีกครั้งในไม่กี่ชั่วโมงหลังกองทัทำรัฐประหาร ประธานาธิบดีอาลี บองโก ก็ใช้มันเป็นโทรโข่งไปทั่วโลก โดยแชร์วิดีโอที่เขาเรียกร้องให้เพื่อนๆ ของกาบองส่งเสียงเพื่อช่วยเหลือเขา ขณะที่การคว่ำบาตรระหว่างประเทศที่บังคับใช้เพื่อย้อนกลับรัฐประหารในแอฟริกามักจะล้มเหลว ส่งผลให้เกิดความยากลำบากมากขึ้นสำหรับประชากรที่ต้องดิ้นรนกับอัตราความยากจนและความอดอยากที่สูงอยู่แล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้ โอมาร์ อาลิว ตูเรย์ (Omar Alieu Touray) หัวหน้าคณะกรรมาธิการ ชุมชนเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) ระดับภูมิภาคของแอฟริกาตะวันตก ได้ให้ความเห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อย้อนกลับการรัฐประหารครั้งนั้นส่งผลให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจและสังคมที่ร้ายแรง สำหรับผู้อยู่อาศัยในไนเจอร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกก่อนรัฐประหารในเดือน ก.ค. 2566 และมีผู้คนจำนวน 4.3 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
แม้ว่าความคับข้องใจจะเพิ่มมากขึ้นต่อสิ่งที่บางคนเรียกว่า "รัฐประหารการเลือกตั้ง" ต่อผู้นำที่สืบทอดอำนาจมายาวนาน นักวิเคราะห์เตือนว่าระบอบทหารไม่ใช่คำตอบของคำตอบ และความพยายามในการแทรกแซงควรมุ่งเป้าไปที่การยึดหลักประชาธิปไตย โดย ออร์เนลลา โมเดอรัน (Ornella Moderan) หัวหน้าโครงการสถาบันเพื่อการศึกษาความมั่นคงภูมิภาคซาเฮล (Sahel-เขตรอยต่อบริเวณกึ่งทะเลทราย บริเวณทะเลทรายซาฮารา แบ่งทวีปแอฟริกาเป็นเหนือและใต้) กล่าวว่า หากประเทศจำเป็นต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง วิธีที่ดีที่สุดที่จะสนับสนุนการปฏิรูปเหล่านี้จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง แม้ว่าตัวเอกจะมีผู้นำรัฐประหารก็ตาม
ขอบคุณเรื่องจาก
https://abcnews.go.com/International/wireStory/africa-celebrating-coups-fed-desperate-change-analysts-102828308
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/inter/753582 'ชาวกาบอง'เฮ! ลงถนนฉลอง'กองทัพ'ประกาศยึดอำนาจจาก'ปธน.อาลี บองโก'สำเร็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี