วอนอย่าเพิ่งด่วนสรุป! ‘NASA’ยังไม่ยืนยันการมีอยู่ของ‘มนุษย์ต่างดาว’ย้ำต้องใช้วิทยาศาสตร์ค้นหาจริงจังกว่านี้
วันที่ 15 กันยายน 2566 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Independent report finds no evidence UFOs have extraterrestrial origins, but NASA will dive deeper into phenomena ระบุว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NASA) เปิดเผยรายงานอิสระซึ่งมาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์อิสระที่วางแผนไว้ในปี 2565 เพื่อสร้างแผนงานสำหรับ NASA เพื่อเริ่มช่วยเหลือการวิจัยเกี่ยวกับ “ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ (Unidentified Anomalous Phenomena : UAP)” โดยกรองข้อมูลเพื่อพิจารณาว่าปรากฏการณ์ลึกลับนี้สามารถศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่และอย่างไร
ทั้งนี้ ทีมงานไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ดังกล่าวมาจากสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาจากต่างดาว ท้ายที่สุด คณะผุ้จัดทำรายงานยังเสนอแนะว่า NASA ควรใช้ดาวเทียมและเครื่องมืออื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ และเพื่อตอบสนองต่อการค้นหา หน่วยงานที่รับผิดชอบกิจการด้านอวกาศของสหรัฐฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า กำลังมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย UAP คนแรก ขณะที่ บิล เนลสัน (Bill Nelson) ผู้บริหารของ NASA กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ NASA ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อตรวจสอบ UAP อย่างจริงจัง ซึ่งเริ่มต้นสิ่งนี้โดยไม่มีความคิดอุปาทานใดๆ นอกจากเข้าใจว่าอยู่ในโลกแห่งการค้นพบ
รายงานความยาว 33 หน้าซึ่งอาศัยข้อมูลที่ไม่เป็นความลับเพื่อให้สามารถพูดคุยในที่สาธารณะได้ ระมัดระวังในการชี้แจงให้ชัดเจนว่ามนุษย์ต่างดาวไม่ใช่สิ่งเดียว หรือแม้แต่คำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับ UAP แต่เป็นการค้นหาคำตอบที่ชัดเจนยังคงดำเนินอยู่ อาทิ เมื่อเร็วๆ นี้ พยานที่น่าเชื่อถือหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักบินของกองทัพ ได้รายงานว่าพบเห็นวัตถุที่พวกเขาไม่รู้จักเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯ เหตุการณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับการอธิบายตั้งแต่นั้นมา แต่ส่วนเล็กๆ น้อยๆ ไม่สามารถระบุได้ในทันทีว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือเกิดจากธรรมชาติ
รายงานยังแนะนำว่า NASA สามารถขยายความพยายามในการแสวงหาคำตอบโดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ ซึ่ง เนลสัน กล่าวเสริมว่า การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เป็นไปได้ในการค้นหาคลังข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อหาคำตอบ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถอ้างอิงข้อมูลอ้างอิงที่รวบรวมโดยเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่เหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายเหล่านี้เกิดขึ้น
นอกจากนั้น รายงานยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการต่อสู้กับอคติและความสงสัยที่มีอุปาทาน ซึ่งอาจขัดขวางไม่ให้พยานผู้พบเห็น UAP พูดคุยถึงสิ่งที่พวกเขาได้เห็น เพราะวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการที่เผยให้เห็นความเป็นจริงมากกว่าที่จะแกะสลักมันขึ้นมา ไม่ว่าความเป็นจริงนั้นจะไม่น่าพึงพอใจหรือสับสนเพียงใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ผู้จัดทำรายงานรับทราบว่าเรื่องราวของพยานมักจะไม่น่าเชื่อถือและยากต่อการยืนยัน การทำความเข้าใจ UAP กรอบการทำงานทางวิทยาศาสตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่เข้มงวดและอิงหลักฐานเชิงประจักษ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อตอกย้ำความต้องการกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รายงานยังมีการอ้างถึงคำกล่าวของ โธมัน เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้ข้อคิดว่า ปรากฏการณ์นับพันปรากฏให้เห็นทุกวันซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ แต่ในกรณีที่ข้อเท็จจริงได้รับการเสนอแนะโดยไม่มีความคล้ายคลึงกับกฎแห่งธรรมชาติที่ยังรู้จัก ความจริงของพวกมันต้องการการพิสูจน์ตามสัดส่วนของความยากลำบาก และกล่าวโดยสรุป การกล่าวอ้างที่ไม่ธรรมดานั้นจำเป็นต้องมีหลักฐานที่พิเศษ
เนลสันเน้นย้ำว่า การค้นหาชีวิตนอกโลกเป็นหลักการสำคัญของ NASA อยู่แล้ว หน่วยงานดังกล่าวมีส่วนร่วมในการวิจัยดังกล่าวมานานหลายทศวรรษ และยังคงใช้กล้องโทรทรรศน์ขั้นสูงเพื่อค้นหาดาวเคราะห์ที่อยู่ในเขตเอื้ออาศัยได้ และอาจมีอัธยาศัยดีต่อโลกในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ โดยส่วนตัว ตนเชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตในจักรวาลที่กว้างใหญ่จนยากสำหรับตนที่จะเข้าใจว่ามันใหญ่แค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า UAP เป็นหลักฐานของสิ่งนั้น หากสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญามีอยู่จริง ก็คงต้องเดินทางหลายล้านหรือหลายพันล้านปีแสงเพื่อมายังโลกและยังคงไม่ถูกตรวจพบมากนัก และเราต้องการเปลี่ยนการสนทนาเกี่ยวกับ UAP จากความรู้สึกโลดโผนมาเป็นวิทยาศาสตร์
ด้าน แดน อีแวนส์ (Dan Evans) ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ NASA ระบุว่า จะไม่มีการเปิดเผยชื่อผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย UAP คนใหม่ของ NASA ต่อสาธารณะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาจเกิดการคุกคามได้ พร้อมกับยกตัวอย่างคณะผู้วิจัยอิสระที่ต้องเผชิญกับการคุกคามและการละเมิดทางออนไลน์
สถานีโทรทัศน์ France24 ของฝรั่งเศส เสนอข่าว NASA says new program will search for UFOs, declines to identify its director ระบุว่า คณะผู้จัดทำรายงานเป็นนักวิจัยอิสระจำนวน 16 คน ให้ข้อสรุปว่า การสำรวจปรากฏการณ์ผิดปกติที่ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ (UAP) ต้องการแนวทางที่เข้มงวดและอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ ขณะที่ทาง NASA ย้ำว่า แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการมีบทบาทสำคัญ ด้วยความสามารถของดาวเทียมและทรัพย์สินทางเทคนิคอื่นๆ แต่การค้นพบต้นกำเนิดจากนอกโลกที่เป็นไปได้ ต้องเป็นสมมติฐานที่เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น หมายถึงเป็นคำตอบที่เกิดขึ้นหลังจากตัดความเป็นไปได้อื่นๆ ทั้งหมดออกไปแล้ว
แม้ NASA จะสำรวจท้องฟ้ามาเป็นเวลานานแล้ว แต่การตามล่าหาต้นกำเนิด เอกลักษณ์ และจุดประสงค์ของวัตถุบินที่ไม่สามารถอธิบายได้ (Unexplained Flying Objects -UFO) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วโลกก็นำมาซึ่งความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บรรดานักบินทั้งทหารและพลเรือนเสนอรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับการพบเห็นแปลกๆ แต่ภาพยนตร์และหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่นำเสนอกันมานานหลายทศวรรษ ทำให้หัวข้อทั้งหมดส่วนใหญ่ถูกหัวเราะเยาะโดยสาธารณชน
บรรยากาศนั้นอธิบายถึงการตัดสินใจที่ผิดปกติของ NASA ที่จะปฏิเสธที่จะระบุตัวตนหัวหน้าทีมศึกษา UAP โดย แดน อีแวนส์ ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ NASA และใช้เวลาตลอดทั้งปีร่วมกับรายงานฉบับนี้ก่อนเผยแพร่ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์นั้นดำเนินการโดยอิสระ ซึ่งภัยคุกคามและการล่วงละเมิดบางอย่างเกินกว่าจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา
ย้อนไปเมื่อเดือน พ.ค. 2566 คณะผู้จัดทำรายงาน กล่าวในการประชุม ว่า มี เหตุการณ์มากกว่า 800 เหตุการณ์ที่รวบรวมมาในช่วง 27 ปีที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 2-5 เป็นไปได้ว่าอาจมีความผิดปกติ ซึ่ง นาเดีย เดรค (Nadia Drake) หนึ่งในคณะผู้จัดทำ ระบุว่า สิ่งเหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็น “สิ่งใดก็ตามที่ผู้ปฏิบัติงานหรือเซ็นเซอร์ไม่สามารถเข้าใจได้ง่าย” หรือ “สิ่งที่กำลังทำสิ่งแปลกๆ"
สื่อฝรั่งเศสรายงานต่อไปว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มให้ความสำคัญกับปัญหา UAP อย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากความกังวลว่าสิ่งเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับการสอดแนมจากต่างประเทศ ตัวอย่างหนึ่งของปรากฏการณ์ที่ยังคงไม่สามารถอธิบายได้คือลูกกลมโลหะบินเห็นโดยโดรน MQ-9 ในตำแหน่งที่ไม่เปิดเผยในตะวันออกกลาง ซึ่งถูกนำไปแสดงต่อรัฐสภาในเดือน เม.ย. 2566 ทั้งนี้ งานศึกษาของ NASA ซึ่งอาศัยวัตถุที่ไม่เป็นความลับ แยกออกจากการสืบสวนของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แบบคู่ขนาน แม้ว่าทั้งสองจะประสานงานในเรื่องวิธีการใช้เครื่องมือและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม
ในเดือน ก.ค. 2566 เดวิด กรัสช์ (David Grusch) อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ปรากฎชื่อบนพาดหัวข่าวในสื่อหลายสำนัก เมื่อเขาบอกกับคณะกรรมาธิการของรัฐสภา ว่า ตนเชื่ออย่างสนิทใจเรื่องรัฐบาลกำลังครอบครองวัตถุที่เกี่ยวข้องปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุที่มาได้ รวมถึงศพของมนุษย์ต่างดาวด้วย คำให้การของตนขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ตนได้รับจากบุคคลที่มีประวัติด้านความชอบธรรมและการบริการต่อประเทศนี้มาอย่างยาวนาน หลายคนยังได้แบ่งปันหลักฐานที่น่าสนใจในรูปแบบของภาพถ่าย เอกสารอย่างเป็นทางการ และคำให้การแบบปากเปล่า
อนึ่ง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ มีการนำร่างของสิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นศพของ “ผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ (non-human being)” จำนวน 2 ร่าง ไปแสดงในที่ประชุมรัฐสภาของประเทศเม็กซิโก ข่าวดังกล่าวทำให้เกิดทั้งความประหลาดใจ ความไม่เชื่อ และการเยาะเย้ยในสื่อสังคมออนไลน์ ซากมัมมี่ที่อ้างว่ามีสีเทาและมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ถูกนำเสนอโดย เจมี มอสซาน (Jaime Maussan) สื่อมวลชนและนักวิจัยชาวเม็กซิกัน ซึ่งอ้างว่าพบซากศพเหล่านี้ที่ประเทศเปรูเมื่อปี 2560 ท่ามกลางข้อถกเถียงจากผู้คนถึงคำกล่าวอ้างนั้น
ขอบคุณเรื่องจาก
https://edition.cnn.com/2023/09/14/world/ufo-nasa-uap-report-research-scn/index.html
https://www.france24.com/en/americas/20230914-nasa-says-new-program-will-search-for-ufos-declines-to-identify-its-director
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี