ไทยถูกจับเป็นตัวประกัน54คน

สื่อนอกตีข่าว

นายกฯตกใจโทรเคลียร์ทูตยิว

กต.เผยดับเพิ่ม2ศพรวม33

อพยพกลับไทยอีก145คน

อิสราเอลส่งกองทัพรถถังบุกขยี้ฮามาส 2 ฝ่ายตายแล้วเฉียด 8 พันศพ ขณะที่คนไทยดับเพิ่มอีก 2 ยอดรวม 33 ศพ ตัวประกันอีก 18 ราย แต่รอยเตอร์สบอกว่าคนไทยโดนจับไป 54 ราย ด้าน“บัวแก้ว”เร่งเจรจาปล่อยตัวคนไทย

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟได้ระดมรถถังบุกจู่โจมเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธฮามาสในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา ตลอดช่วงค่ำของวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

รายงานข่าวแจ้งว่า ปฏิบัติการจู่โจมด้วยกองทัพรถถังข้างต้น มีขึ้นในขณะที่กองกำลังป้องกันอิสราเอล ยังคงปฏิบัติโจมตีอากาศเป้าหมายของกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซาด้วยเช่นกันทั้งนี้ รายงานข่าวเผยว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว บ่งชี้ว่ากองกำลังไอดีเอฟของอิสราเอล เตรียมการที่จะโจมตีภาคพื้นดินต่อกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซาต่อไป

โจมตีฮามาสภาคพื้นดิน

รายงานข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับการแถลงของ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่แถลงทางโทรทัศน์ที่กรุงเทลอาวีฟว่า อิสราเอลกำลังเตรียมการบุกภาคพื้นดินเข้าไปในฉนวนกาซา แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลา หรือข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งนี้ และว่าการตัดสินใจว่ากองทัพจะบุกเข้ากาซาเมื่อใดนั้น จะเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีสงครามชุดพิเศษของรัฐบาล เนทันยาฮู กล่าวว่า ได้สังหารผู้ก่อการร้ายไปหลายพันคนแล้ว และนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์แจ้งว่า อิสราเอลโหมโจมตีทางอากาศพื้นที่ภาคใต้ของฉนวนกาซาช่วงคืนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในช่วง 27 ชั่วโมงที่ผ่านมา 756 ราย ในจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก ด้านสำนักงาน ขณะที่โรงพยาบาลมากกว่า 1 ใน 3 ในกาซา และเกือบ 2 ใน 3 ของคลินิกสุขภาพเบื้องต้นต้องปิดให้บริการ เนื่องจากได้รับความเสียหาย หรือไม่ก็ขาดแคลนเชื้อเพลิง โดยอิสราเอลห้ามนำเชื้อเพลิงเข้ากาซา และกล่าวหาว่า เพราะเกรงว่าจะตกไปอยู่ในมือของกลุ่มฮามาสนำไปใช้ประโยชน์ สำหรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดในฉนวนกาซา อยู่ที่เกือบ 6,500 รายตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 รายจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส และมีตัวประกันถูกจับตัวไปควบคุมในกาซากว่า 220 คน

ยูเอ็นตกใจยิวจะบุกอีก

ขณะเดียวกัน อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดเผยว่า เขารู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาต่อแถลงการณ์ที่เขาแถลงเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส ซึ่งเขากล่าวประณามอย่างชัดเจนต่อการกระทำก่อการร้าย ที่เกิดขึ้นกับอิสราเอล ซึ่งเป็นการโจมตีที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

กูแตร์เรส กล่าวถึงความขัดแย้งนี้ หลังจากอิสราเอลระบุว่า จะปฏิเสธวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอ็นเพื่อเป็นการตอบโต้ หลังกูแตร์เรสออกมาเรียก้องให้หยุดยิง และบอกว่าการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน กำลังเกิดขึ้นในกาซา แต่เอกอัครราชทูตของอิสราเอล ยังคงเรียกร้องให้กูแตร์เรสลาออกจากตำแหน่ง โดยบอกว่า มันเป็นสิ่งที่น่าอับอาย ที่เขาไม่ยอมถอนคำพูด หรือขอโทษ

ทั้งนี้ ในแถลงการณ์เดิมของกูแตร์เรส เขาระบุว่า การที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลนั้นมีที่มาที่ไป ไม่ได้เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน แต่ชี้ด้วยว่า ความคับข้องใจของชาวปาเลสไตน์ ไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการโจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรงของกลุ่มฮามาส

‘ปูติน’เตือนสงครามขยายวงกว้าง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวถึงสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าทุกฝ่ายต้องร่วมกันยุติสถานการณ์นองเลือด และความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เนื่องจากหากยิ่งปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อมากเท่าไหร่ มีความเป็นไปได้สูงมากขึ้นเท่านั้น ที่วิกฤติการณ์ครั้งนี้จะขยายวงกว้าง และลุกลามออกไปยังประเทศอื่นในตะวันออกกลาง และอาจขยายสู่นอกภูมิภาคด้วย

ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียกล่าวถึงกองกำลังต่างชาติ ซึ่งอยู่เบื้องหลังและคอยยุยงปลุกปั่น เพื่อนำประเทศอื่นให้เข้าร่วมกับวงจรขัดแย้งอย่างไม่รู้จบสิ้น ทั้งนี้ ปูตินเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ในการสนับสนุนแนวทางสองรัฐ ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ พร้อมทั้งย้ำว่า เรื่องนี้เป็นหนทางเดียวที่จะสามารถบรรเทาความขัดแย้ง และรักษาความสงบให้เกิดขึ้นได้ในระยะยาว

คนไทยดับอีก2ยอดแตะ33ศพ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ความไม่สงบอิสรเอล ว่า ขณะนี้มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 2 ราย ขณะที่การเจรจาช่วยเหลือตัวประกันจากกลุ่มฮามาส ก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์คนไทยในอิสราเอล ว่า ล่าสุดได้รับรายงานว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมเป็น 33ราย ผู้บาดเจ็บ 18คนเท่าเดิม ส่วนคนที่ถูกจับตัวไปมีการตรวจสอบแล้วอยู่ที่ 18คน จากเดิม 19คน โดยลดลง1คน เนื่องจากตัวเลขมีความคลาดเคลื่อนกับยอดผู้เสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการนำยอดผู้เสียชีวิต1คน ไปกับรวมกับยอดผู้ถูกจับตัวไป จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน ซึ่งร่างผู้เสียชีวิต ขณะนี้ ทางการอิสราเอล พิสูจน์อัตลักษณ์ ยืนยันเป็นคนไทยได้แล้ว 24คน ทั้งนี้ยืนยันว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าอพยพคนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการจัดทีมออกเจรจาให้การปล่อยตัวประกัน ควบคู่กันในเวลานี้ โดยไปเจรจากับประเทศที่สามารถประสานให้มีการปล่อยตัวประกันได้เร็วที่สุด

7ผู้เสียชีวิตกลับถึงบ้านเกิดแล้ว

ที่บริเวณอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับศพแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลอีกจำนวน 7 ราย พร้อมร่วมวางพวงหรีดแสดงความอาลัย โดยมี นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ และนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมพิธี

เลขานุการรมว.แรงงาน กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนของกระทรวงแรงงานในการมารับร่างแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตได้ส่งร่างแรงงานไทยชุดที่สองกลับมาอีกจำนวน 7 รายในวันนี้มาพร้อมกับแรงงานไทย จำนวน 268 คน ด้วยสายการบิน EL AL เที่ยวบินที่ LY 083 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 10.35 น. พร้อมร่วมวางพวงหรีดของรมว.แรงงานเพื่อแสดงความอาลัย

“ผมขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อญาติพี่น้อง และครอบครัวของพี่น้องแรงงานไทยทั้ง 7 ราย ในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอให้คำมั่นกับญาติของพี่น้องแรงงานไทยว่าเราจะดูแลสิทธิประโยชน์ของทุกท่านให้ได้รับสิทธิประโยชน์พึงได้ตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด” นายอารี กล่าว

อีก145คนไทยกลับถึงมาตุภูมิ

เวลา 11.40น.เครื่องบินA340-500 ของกองทัพอากาศเที่ยวบินFujairah 1 ที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 เรียบร้อยแล้ว โดยมี พลอากาศเอก ณรงค์ อินทชาติ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ ซึ่งผลการปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กองทัพอากาศวางแผนไว้ ทั้งนี้ คนไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับสู่ประเทศไทย มีจำนวน 145คน แบ่งเป็นชาย 141คนและหญิง 4คน โดยก่อนการเดินทางกลับประเทศไทยนั้น ได้มีการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบความพร้อมบินของผู้โดยสารโดยทีมแพทย์ทหารอากาศ และการตรวจความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบินโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนอากาศยาน และมีลูกเรือดูแลอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางการบิน ซึ่งเมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารจะผ่านกระบวนการตรวจร่างกาย การตรวจคนเข้าเมือง การตรวจสอบสิทธิ และการให้การปรึกษาด้านกฎหมาย ก่อนเดินทางไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒย์ (สถานีกลางบางซื่อ) ต่อไป สำหรับการอพยพคนไทยในเที่ยวบินต่อไป (Fujairah 2) ของกองทัพอากาศวางแผนนำ A340-500 จำนวน1เครื่อง ปฏิบัติภารกิจอีกครั้งวันที่ 29ตุลาคม2566 เวลาออกเดินทางโดยประมาณ 09.00น.

บัวแก้วรายงานสถานการณ์

เย็นวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งสถานะคนไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอล (สถานะคืนวันที่ 25 ต.ค. 2566) ผู้เสียชีวิต 33 ราย (เพิ่มขึ้น 2 ราย) ผู้บาดเจ็บ 18 ราย (คงเดิม)ผู้ที่คาดว่าถูกควบคุมตัว จํานวน 18 ราย (ลดลง 1 ราย เนื่องจากทางการอิสราเอลแจ้งยืนยันรายชื่อว่าเป็นผู้เสียชีวิต)

ทั้งนี้ จากที่มีรายงานข่าวว่า มีคนไทยถูกจับกุมตัวไป 54 คนนั้น ยังอยู่ระหว่างการขอยืนยันตัวเลขดังกล่าวจากทางการอิสราเอล

อนึ่ง จนถึงวันที่ 26 ต.ค. 66 ทางการไทยได้จัดเที่ยวบินอพยพกลับถึงประเทศไทยแล้วจำนวน 21 เที่ยวบิน และมีผู้ได้รับการช่วยเหลือผ่านสถานทูตแล้ว 4,223 คน โดยมีเที่ยวบินอพยพที่จะกลับถึงไทยในวันที่ 27 ต.ค. 66 ดังนี้ 1.TG8953 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 01.40 น. จำนวนผู้ลงทะเบียน 280 คน 2. LY085 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 08.50น.จำนวนผู้ลงทะเบียน 268คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประเด็นตัวประกันไทยถูกจับกุมถึง 54 คน นั้น เป็นการรายงานข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์