ให้พระช่วยกล่อม! จนท.เรือนจำ"เอกวาดอร์"ถูกนักโทษจับเป็นตัวประกันได้รับอิสรภาพ เผยมีโบสถ์คริสต์ร่วมเจรจา

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2567 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว All prison staff held hostage by inmates in Ecuador now free, officials say อ้างการเปิดเผยของสำนักงานราชทัณฑ์ประเทศเอกวาดอร์ (SNAI) ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 ม.ค. 2567 ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คุมรวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของเรือนจำในเอกวาดอร์ ที่ถูกผู้ต้องขังจับเป็นตัวประกัน ได้รับการปล่อยตัวครบทุกคนแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน มีรายงานว่า ตัวประกันชุดแรกจำนวน 41 คน ได้รับอิสรภาพ แต่ยังเหลือตัวประกันเป็นผู้คุม 133 นาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการอีก 3 คน ถูกควบคุมตัว

แดเนียล โนโบอา (Daniel Noboa) ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ แสดงความยินดีกับข่าวดังกล่าว ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเอกวาดอร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์จับตัวประกันที่เรือนจำในเมืองเอสเมรัลดาส และใน จ.ตุงกูราอัว มีบาทหลวงจากโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เข้าร่วมเจรจาจนผู้ก่อเหตุยอมปล่อยตัวประกัน แต่ที่ จ.เอล โอโร เกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ต้องขังกับทหารและตำรวจภายในเรือนจำ มีการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้กัน ส่งผลให้มีผู้คุมเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 นาย

รายงานของสื่อสหรัฐฯ ระบุว่า ในอดีตเอกวาดอร์เคยเป็นประเทศที่สงบสุข แม้จะขนาบด้วย 2 ประเทศ คือเปรูและโคลอมเบีย ที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดอย่างโคเคน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถานการณ์ไม่มั่นคง โดยล่าสุด อดอลโฟ มาซิอาส (Adolfo Macias) หรือฉายา “ฟิโต (Fito)” หัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติด “ลอส โชเนรอส (Los Choneros)” ซึ่งถูกตัดสินโทษจำคุก 34 ปี ในข้อหาฆาตกรรมและค้ายาเสพติด ได้หลบหนีออกจากเรือนจำในเมืองกัวยาคิล

ตามรายงานของทางการเอกวาดอร์ แก๊งลอส โชเนรอส เชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในเม็กซิโกอย่าง “ซินาโลอา (Sinaloa)” และแก๊งในโคลอมเบียอย่าง “แนวร่วมโอลิเวอร์ ซินิสเตอร์รา (Oliver Sinisterra Front)” โดยร่วมกันลำเลียงยาเสพติดผ่านเม็กซิโกไปยังปลายทางคือสหรัฐฯ ทั้งนี้ หลังการหลบหนีของ มาซิอาส เอกวาดอร์ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ขณะที่กลุ่มแก๊งต่างๆ ก็ตอบโต้ด้วยการก่อเหตุวุ่นวายทั้งในและนอกเรือนจำ มีทั้งการจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ลักพาตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปจนถึงบุกห้องส่งสถานีโทรทัศน์ขณะกำลังออกอากาศ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซึ่งเป็นการสนธิกำลังกันระหว่างตำรวจและทหาร พยายามเข้าควบคุมเรือนจำซึ่งส่วนใหญ่มีจำนวนผู้ต้องขังแออัด และต้องปะทะกับสมาชิกแก๊งต่างๆ ที่ถูกคุมขัง เนื่องจากที่ผ่านมา แม้จะอยู่ในเรือนจำแต่สมาชิกแก๊งเหล่านี้ก็สามารถติดต่อสั่งการเครือข่ายที่อยู่ภายนอกได้ ขณะที่มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 นาย ออกไล่ล่าตัว มาซิอาส

อนึ่ง เฟอร์นันโด วิลลาวิเซนซิโอ (Fernando Villavicencio) ผู้เคยลงสมัครท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ และถูกสอบสังหารในเดือน ส.ค. 2567 ก่อนหน้าที่เขาจะเสียชีวิต เคยออกมาเปิดเผยว่า ตนถูกมาซิอาส หรือฟิโต ข่มขู่ไม่ให้ดำเนินการรณรงค์ทางการเมืองเพื่อต่อต้านความรุนแรงของกลุ่มอาชญากรต่อไป โดย วิลลาวิเซนซิโอ ได้เรียกเอกวาดอร์ว่าเป็น “ประเทศแห่งยาเสพติด” และให้คำมั่นว่าหากมีอำนาจจะเอาจริงทั้งการปราบปรามกลุ่มแก๊งต่างๆ รวมถึงปัญหาการทุจริตที่กัดกินประเทศนี้

สำนักข่าว BNN Breaking ของฮ่องกง เสนอข่าว Ecuador Prison Crisis: Hostages Released Following Church-Mediated Negotiations ระบุว่า ในการเจรจาเพื่อให้กลุ่มผู้ต้องขังปล่อยตัวเจ้าหน้าที่เรือนจำ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2567 จนทำให้ตัวประกันชุดแรกจำนวน 41 คน แบ่งเป็นผู้คุม 24 คน และเฝ่ายธุรการ 17 คน ได้รับอิสรภาพ มีรานงานความช่วยหลือจากโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ร่วมเจรจาใน 2 จุด คือ 1.เรือนจำในเมืองเอสเมรัลดาส มีตัวประกันได้รับอิสรภาพ 11 คน กับ 2.เรือนจำใน จ.ตุงกูราอัว มีตัวประกันได้รับอิสรภาพ 13 คน ทั้งหมดทำงานเป็นผู้คุม

รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์และการปล่อยตัวในภายหลังได้รับการเปิดเผยโดยหน่วยงานราชทัณฑ์แห่งชาติและตำรวจ ซึ่งตัวประกันทั้งหมดถูกส่งไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และแม้วิกฤตินี้จะประสบความสำเร็จในการแก้ไข แต่เหตุการณ์ดังกล่าวตอกย้ำถึงความท้าทายด้านความปลอดภัยที่น่าหวาดกลัวที่ระบบเรือนจำของเอกวาดอร์ต้องเผชิญ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องพิเศษ แต่เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบที่เกิดซ้ำซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในประเทศแห่งนี้

เหตุการณ์นี้จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบเรือนจำของเอกวาดอร์ ด้วยเหตุการณ์คล้ายๆ กันที่เกิดขึ้นในอดีต เห็นได้ชัดว่าระบบเรือนจำของประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ การเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จแม้จะเป็นการพัฒนาที่น่ายินดี แต่ก็ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับมาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคต

- 006