ปักกิ่ง (รอยเตอร์ส/ซีซีทีวี) - จีนได้เริ่มต้นวาระสำคัญทางการเมือง ด้วยการการประชุมสองสภาไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค. สิ่งที่จับตากันคือแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนประกาศตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือตัวเลขจีดีพีในปีนี้ ที่ประมาณร้อยละ 5
สภาประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC เริ่มการประชุมประจำปีเช้าวันที่ 5 มี.ค. ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง โดยมีสมาชิกร่วมประชุมกันราว 1 สัปดาห์ พร้อมไปกับการประชุมประจำปีของสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน หรือ CPPCC ควบคู่ไปด้วย จึงเรียกกันว่าการประชุมสองสภา นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน ได้แถลงเปิดประชุมว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในปีนี้ ที่ราวร้อยละ 5 เขากล่าวยอมรับว่า จีนเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจมากมาย มีหลายปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข เขาได้กล่าวเจาะจงไปว่า ขณะนี้ กำลังวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นความเสี่ยงและอันตรายและยังมีปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น สถาบันการเงิน สภาพเช่นนี้ทำให้รัฐบาลตัดสินใจและจัดการได้ลำบาก
สำหรับแนวทางในการแก้ไขนั้น นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง กล่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการมากมายเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวหลังยุคโควิด-19 รวมถึงวิธีการใหม่ๆ เพื่อจัดการกับวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนั้น ยังมีแผนที่จะเพิ่มตำแหน่งงานในพื้นที่เขตเมืองอีก 12 ล้านตำแหน่ง ส่วนในภาคการเงิน ก็จะมีการออกระเบียบให้รัดกุมยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีจีน ยังเผยในรายงานว่า จีนจะเดินหน้าสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อการมีบุตร จะส่งเสริมการพัฒนาประชากรอย่างสมดุลและระยะยาว จะพัฒนาบริการดูแลเด็กสาธารณะเพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องการมีบุตร การเลี้ยงดูบุตรและการศึกษา นอกจากนี้ จีนจะเดินหน้ายุทธศาสตร์เชิงรุกระดับชาติในการรับมือกับประชากรที่สูงวัยมากขึ้น โดยจะเพิ่มเบี้ยคนชราอีกเดือนละ 20 หยวน (ราว 101 บาท) ให้แก่คนในเมืองที่ไม่ได้ทำงานและคนชนบท เพิ่มเงินบำนาญพื้นฐาน และจะเริ่มใช้ระบบบำนาญเอกชนทั่วประเทศ
ในส่วนของประเด็นไต้หวัน นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ยังคงเน้นย้ำเรื่องการเรียกร้องรวมชาติกับไต้หวัน และต้องการรวมชาติอย่างแน่วแน่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีคำว่า “สันติ” เหมือนที่เคยใช้ในรายงานที่ผ่านมา แม้ว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนไม่ใช้คำว่าสันติกับไต้หวัน แต่การเปลี่ยนคำที่ใช้เป็นสิ่งที่ถูกจับตา เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าจีนจะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นต่อไต้หวัน
การประชุมในปีนี้มีสิ่งที่น่าสังเกตคือ จากปกติที่นายกรัฐมนตรีจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามโดยตรง แต่ครั้งนี้ได้ยกเลิกไป โดยจะให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เป็นผู้แถลงเองในระหว่างการประชุม ซึ่งจะมีการพูดคุยเรื่องการทูต เศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังจะไม่แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมสองสภาในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี