สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า ผู้แสวงบุญที่เสียชีวิตระหว่างร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนอยู่ที่ 1,301 ราย

โดยประมาณ 83% ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้เข้าร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ โดยไม่มีใบอนุญาตจึงไม่มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด 49-51 องศาเซลเซีย

การจะเดินทางมาไปเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ได้นั้น ผู้แสวงบุญจำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าพิเศษสำหรับพิธีฮัจญ์เท่านั้น โดยปีนี้ซาอุฯ อนุญาตให้ผู้แสวงบุญเข้านครเมกกะได้ 1.8 ล้านคน โดยจะแบ่งสรรปันส่วนให้แก่ประเทศต่างๆ ด้วยระบบโควต้า ซึ่งผู้ที่ทำถูกต้องจะได้รับบาร์โค้ดสำหรับเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และเข้าถึงอำนวยความสะดวก เช่น เต็นท์ที่พักและรถบัสได้

แต่ราคาสำหรับขอใบอนุญาตสูงถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐ ผู้แสวงบุญจำนวนมากจึงพยายามหาทางเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างผิดกฎหมาย และการเดินทางมักจะต้องใช้วิธีการเดินเท่า ไม่ใช้ด้วยรถทัวร์ปรับอากาศที่ทางการจัดเอาไว้ และเข้าถึงเสบียงอาหารและน้ำดื่มได้ยากกว่าผู้ที่เข้ามาอย่างถูกต่าง

อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลอียิปต์เตรียมเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการของบริษัทจัดทัวร์แสวงบุญพิธีฮัจญ์จำนวน 16 บริษัท โทษฐานพาผู้แสวงบุญเข้าสู่นครเมกกะอย่างไม่ถูกต้อง และทำให้มีชาวอียิปต์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการตอนนี้อยู่ที่ 31 ศพ แต่คาดกันว่าจำนวนที่แท้จริงอาจมากถึง 600 ศพ

การตัดสินใจของอียิปต์เกิดขึ้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทาง ครม.ได้ทบทวนรายงานซึ่งกล่าวหาบริษัททัวร์ว่า ไม่ได้ขอวีซ่าอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ลูกทัวร์ไม่สามารถเข้าสู่นครเมกกะได้ตามเส้นทางที่ถูกต้องได้ ทำให้พวกเขาต้องหาทางเข้าเมืองด้วยการเดินเท้าฝ่าทะเลทรายอันร้อนระอุ

บริษัทเหล่านี้ยังไม่จัดหาที่พักอย่างเพียงพอให้ลูกทัวร์ ทำให้พวกเขาต้องสัมผัสกับความร้อนสูงด้วย