ชาวญี่ปุ่นออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ซึ่งจะเป็นการชี้ชะตาพรรคแกนนำรัฐบาลว่า จะได้ครองอำนาจบริหารประเทศต่อไปหรือไม่ หลังจากที่ต้องเผชิญหลายด้านมาต่อเนื่อง

สื่อในญี่ปุ่น รายงานว่า การเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) เป็นการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาจำนวน 465 ที่นั่ง มีผู้สมัครกว่า 1,300 คน แบ่งเป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 289 ที่นั่ง และการเลือกตั้งแบบระบบสัดส่วนอีก 176 ที่นั่ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเริ่มออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ กว่า 45,000 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาบ้านเรา 2 ชั่วโมง และจะปิดหีบในเวลา 20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะเริ่มนับคะแนนทันที และอาจทราบผลผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการหน้าหน่วยเลือกตั้ง หรือเอ็กซิตโพล ได้หลังจากปิดหีบลงคะแนนภายใน 1 ชั่วโมง และทราบผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้ภายในคืนวันอาทิตย์

บรรดาผู้สันทัดกรณีหลายฝ่าย เชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นชุดปัจจุบัน นำโดย พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ของ นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว และประกาศจัดเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด อาจสูญเสียเสียข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรที่ครองมาอย่างยาวนาน จากวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะการที่สมาชิกพรรคหลายคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับโบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) ที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมองว่าเป็นลัทธิความเชื่อหนึ่ง มีปัญหาเรื่องการนำเงินไปใช้อย่างผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าจำเป็นต่างๆ แพงขึ้นมาก สวนทางกับเงินเยนที่อ่อนค่าลง

ปัจจุบัน พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย พรรคแอลดีพีและพรรคโคเม ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ด้วยจำนวน 279 ที่นั่ง แต่ผลสำรวจล่าสุดจากสื่อหลายสำนัก พบว่า พรรคแอลดีพีอาจจะสูญเสียที่นั่งมากถึง 50 ที่นั่ง จากเก้าอี้ที่มีอยู่ 247 ที่นั่ง ในสภาล่าง ในขณะที่พรรคโคเม จะได้ที่นั่งน้อยลงเหลือต่ำกว่า 30 ที่นั่ง ทำให้ทั้งสองพรรคมีเก้าอี้รวมกันแล้วไม่ถึง 233 ที่นั่ง ที่จำเป็นต้องทำให้ได้เพื่อครองเสียงข้างมากในรัฐสภา ทำให้พรรคแอลดีพีอาจสูญเสียอำนาจในการกำหนดนโยบายต่างๆ ลงมาก เพราะต้องนำพรรคการเมืองอื่นๆ มาเข้าร่วมรัฐบาลผสม

- 006