สื่อฮ่องกงตีข่าว ชาวต่างชาติแห่สนใจซื้ออสังหาฯในไทย กลายเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ

สื่อฮ่องกงตีข่าว ชาวต่างชาติแห่สนใจซื้ออสังหาฯในไทย กลายเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ

วันพฤหัสบดี ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 12.38 น.

19 ธ.ค. 2567 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Thailand’s property boom attracts Chinese investors, but fraud risks loom ว่าด้วยความต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน ทำให้ชาวต่างชาติสุ่มเสี่ยงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ที่ไปอ้างว่ามีช่องทางให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวกฎหมายของไทยยังไม่อนุญาต

รายงานของสื่อฮ่องกง ยกตัวอย่างกรณีของ โซอี้ หยู (Zoe Yu) ช่างภาพวัย 45 ปีจากเมืองหนิงปัว ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ประสบปัญหาเมื่อลงทุนในเชียงใหม่ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของไทย หญิงรายนี้เล่าว่า ด้วยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในโรงเรียนนานาชาติและค่าครองชีพที่ไม่แพง ในเดือน ม.ค. 2566 จึงได้เซ็นเอกสารซื้อวิลลาราคา 10 ล้านบาท (293,000 เหรียญสหรัฐ) ตามคำแนะนำของชาวจีนที่เป็นคนมีชื่อเสียง กระทั่งมาทราบภายหลังว่า กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติครอบครองที่ดินหรือบ้าน


แม้ว่าสัญญาของหยูจะไม่มีการคุ้มครองทางกฎหมาย แต่เธอก็ต่อสู้จนได้รับเงินคืนในเดือน ก.ค. 2567 แต่ก็ต้องสูญเสียการลงทุนไปมากกว่า 1 ใน 3 ในส่วนของค่าใช้จ่ายและการปรับปรุง ซึ่งตามข้อมูลของ House Condo Lawyer สำนักงานกฎหมายในไทยที่เชี่ยวชาญเรื่องการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ตลาดอสังหาฯ ของไทย มีปัญหาการหลอกลวง เนื่องจากดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยรู้กฎระเบียบ ซึ่งการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์และการขายที่ดินอย่างผิดกฎหมายอาจนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ และเคยมีนักลงทุนรายหนึ่งสูญเสียเงินมากถึง 400 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาการซื้อ-ขายอสังหาฯ อย่างผิดกฎหมายผ่านการใช้นอมินี โดยชาวต่างชาติอาจถูกหลอกว่าพวกเขาสามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้โดยจดทะเบียนภายใต้นอมินีชาวไทย ซึ่งสิ่งนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนชาวต่างชาติสูญเสียหากนอมินีอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเสียเองหรือหากทางการเข้ามาสืบสวน ดังตัวอย่างในเดือน มิ.ย. 2566 เดวิด เอ็ดเวิร์ด แชปเปลล์ (David Edward Chappelle) กลายเป็นข่าวพาดหัว หลังจากทราบว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งซึ่งเขาซื้อแฟลตบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในราคา 15 ล้านบาท ไม่ได้จดทะเบียนทรัพย์สินในนามของเขา จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ซื้อชาวต่างชาติหลายคนที่ถูกจับในคดีนี้

ในเดือน ก.ย. 2567 ชาวออสเตรเลีย 2 คนยื่นฟ้องคดีฉ้อโกงในเมืองท่องเที่ยวทางตอนใต้อย่าง จ.ภูเก็ต หลังจากจ่ายเงินกว่า 5 ล้านบาทสำหรับแฟลตที่ไม่เคยได้รับการส่งมอบ และแม้จะชนะคดีแต่ก็ยังไม่ได้ค่าชดเชย ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตำรวจเข้าจับกุมชาวจีน 5 คน ในข้อหาประกอบธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์อย่างผิดกฎหมาย

House Condo Lawyer เน้นย้ำว่า แผนการฉ้อโกงจำนวนมากเกิดจากการขาดความรอบคอบและความไว้วางใจที่ผิดในเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งคดีฉ้อโกงทรัพย์สินมากกว่าร้อยละ 60 ในประเทศไทยเกี่ยวข้องกับเหยื่อและมิจฉาชีพที่เป็นคนชาติเดียวกัน ขณะที่ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า การโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยลดลงท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยจำนวนการจดทะเบียนลดลงร้อยละ 6.6 ในปี 2566 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ความต้องการอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยจำนวนแฟลตที่โอนให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) โดยชาวจีนเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็นเกือบร้อยละ 46 ของยูนิตคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่ชาวต่างชาติซื้อในปี 2566 เนื่องจากพวกเขามองหาการลงทุนทางเลือก ท่ามกลางภาวะถดถอยอันยาวนานในตลาดที่อยู่อาศัยในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยชาวจีนซื้อไป 6,614 ยูนิตในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน

สอดคล้องกับข้อมูลจาก แดเนียล โฮ (Daniel Ho) ผู้ก่อตั้งร่วมและกรรมการผู้จัดการกลุ่มของ Juwai IQI ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ในมาเลเซีย ที่ระบุว่า ในปี 2567 ชาวจีนยังเป็นอันดับ 1 ของลูกค้าต่างชาติในตลาดอสังหาฯ ของไทย โดยการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในไทยจากชาวจีนทั้งที่มาจากแผ่นดินใหญ่และเกาะฮ่องกง เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับทั้งปี 2566

ในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ของจีน ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และผู้มีอิทธิพลทางการตลาดต่างพากันโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของอสังหาฯ ในไทย ทั้งผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น การศึกษาในโรงเรียนนานาชาติที่ถูกกว่าสำหรับเด็ก และค่าครองชีพที่ถูกกว่าหากเทียบกับในประเทศจีน แฮชแท็ก #LifeInThailand มียอดเข้าชม 1 พันล้านครั้ง ขณะที่ #ThaiProperty มียอดเข้าชม 35 ล้านครั้งบน Xiaohongshu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่คล้ายกับ Instagram

เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มเหล่านี้ รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของโดยชาวต่างชาติเพื่อดึงดูดเงินทุนมากขึ้น ในเดือน มิ.ย. 2567 กระทรวงมหาดไทยของไทยได้เสนอข้อเสนอที่จะอนุญาตให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติเป็นเจ้าของแฟลตในอาคารได้มากถึงร้อยละ 75 จากเกณฑ์ปัจจุบันที่ร้อยละ 49 และขยายระยะเวลาการเช่าสำหรับชาวต่างชาติจาก 30 ปีเป็น 99 ปี อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเหล่านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

โฮ กล่าวถึงแนวคิดนี้ของทางการไทย ว่า หากข้อเสนอเหล่านี้ได้รับการนำไปปฏิบัติ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในตลาดไทยในรอบอย่างน้อย 2 ทศวรรษ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภูมิทัศน์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Juwai IQI แนะนำว่า นักลงทุนควรทำการตรวจสอบอย่างรอบคอบและทำงานร่วมกับทนายความด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อปกป้องตนเองและรับมือกับความซับซ้อน

รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยการกลับไปที่ หยู ที่ฝากเตือนเพื่อนร่วมชาติชาวจีนเช่นกัน ว่า ขอให้เรื่องราวของตนเป็นบทเรียนสำหรับใครก็ตามที่คิดจะเป็นเจ้าของอสังหาฯ ในไทย อยากให้เพิ่มความระมัดระวัง ซึ่งในกรณีของตน ในตอนแรกสามีก็พยายามห้ามแล้วแต่ตนไม่ฟัง เพราะในใจคิดแต่ว่าอยากอยู่ในชุมชนเดียวกับบรรดาคนดังชาวจีนเท่านั้น

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.scmp.com/business/article/3291334/thailands-property-boom-attracts-chinese-investors-fraud-risks-loom?module=International&pgtype=section

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.naewna.com/local/847945 จับชาวจีนลอบทำงานเป็นนายหน้า ขายอสังหาริมทรัพย์ในพัทยา

https://www.naewna.com/politic/813544 ‘ปชป.’แตะเบรครัฐบาล อย่าคิดขายชาติ ให้เช่าที่ดิน 99 ปี

 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top