‘เกียวโต’จ่อขึ้นภาษีโรงแรม แก้ปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวล้นเกิน

‘เกียวโต’จ่อขึ้นภาษีโรงแรม แก้ปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวล้นเกิน

วันอังคาร ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568, 16.26 น.

14 ม.ค. 2568 สถานีโทรทัศน์ KPVI สื่อท้องถิ่นในเมืองโพคาเทลโล รัฐไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา รายงานข่าว Japanese tourist hotspot Kyoto to hike hotel taxes ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2567 จะทำลายสถิติมากกว่า 35 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะยินดีกับข่าวนี้ โดยเฉพาะในเกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองที่ยังคงหลงเหลือประเพณีดั้งเดิม ซึ่งมีชื่อเสียงจากนักแสดงเกอิชาในชุดกิโมโนและวัดของศาสนาพุทธ

ล่าสุดในวันที่ 14 ม.ค. 2568 ฝ่ายบริหารของเมืองเกียวโต ได้เปิดเผยแผนปรับขึ้นภาษีโรงแรมครั้งใหญ่ เนื่องจากเมืองโบราณอันงดงามแห่งนี้ต้องการบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับปัญหานักท่องเที่ยวล้นเกิน โดยสำหรับห้องพักในเกียวโตที่มีราคา 20,000-50,000 เยน (127-317 เหรียญสหรัฐ หรือราว 4,400-11,000 บาท) ต่อคืน นักท่องเที่ยวจะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็นสองเท่า โดยเพิ่มเป็น 1,000 เยน (6.35 เหรียญสหรัฐ หรือราว 222 บาท) ต่อคนต่อคืน ขณะที่ห้องพักที่มีราคาเกิน 100,000 เยน (ราว 22,000 บาท) ต่อคืน ภาษีจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าเป็น 10,000 เยน (ราว 2,200 บาท)


อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติของเมืองเสียก่อน หากผ่านออกมาเป็นกฎหมายก็จะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 ซึ่งฝ่ายบริหารของเมืองเกียวโต ชี้แจงว่า การขึ้นภาษีที่พักครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยความพอใจระดับสูงทั้งกับประชาชน นักท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ ทั้งนี้ ในหลายเมืองของญี่ปุ่น ตั้งแต่กรุงโตเกียวไปจนถึงเมืองโอซากาและฟุกุโอกะ ต่างเรียกเก็บค่าที่พักจากนักท่องเที่ยวเป็นเงินหลายร้อยเยนต่อคืนแล้ว

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ชาวเมืองเกียวโตบ่นว่านักท่องเที่ยวคอยรังควานเกอิชาเหมือนปาปารัสซี่ที่คอยถ่ายรูปให้ผู้ติดตามอินสตาแกรมของตนดูตื่นตาตื่นใจ ความตึงเครียดสูงสุดเกิดขึ้นในย่านกิออน ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านน้ำชาที่ “เกอิโกะ” ซึ่งเป็นชื่อท้องถิ่นของเกอิชา และ “ไมโกะ” ซึ่งเป็นลูกศิษย์จะเต้นรำแบบดั้งเดิมและเล่นเครื่องดนตรี โดยในปี 2567  ทางการได้เคลื่อนไหวเพื่อห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปในตรอกซอกซอยส่วนตัวแคบๆ บางแห่งในกิออน หลังจากที่ได้รับแรงกดดันจากสภาผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น

ก่อนหน้านี้ สมาชิกในชุมชนคนหนึ่งได้บอกกับสื่อญี่ปุ่นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กิโมโนของไมโกะฉีกขาด และอีกคนหนึ่งถูกก้นบุหรี่เสียบอยู่ที่คอของชุดที่ดูสะอาดสะอ้านของเธอ กระทั่งในปี 2562 สภาเขตกิออนได้ติดป้ายเตือนว่า "ห้ามถ่ายรูปบนถนนส่วนตัว" ซึ่งอาจต้องเสียค่าปรับสูงสุด 10,000 เยน (ราว 2,200 บาท) และตามการสำรวจล่าสุด พบว่าชาวเกียวโตไม่พอใจกับปัญหาการจราจรติดขัดและการประพฤติตัวไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวแห่ไปญี่ปุ่นตั้งแต่ที่ยกเลิกข้อจำกัดการระบาดใหญ่ โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม ธรรมชาติ และเงินเยนที่อ่อนค่าลง ซึ่งนอกจากที่เกียวโต ทางการญี่ปุ่นยังมีมาตรการควบคุมการเข้าไปของนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมและกำหนดจำนวนนักปีนเขาที่ปีนภูเขาไฟฟูจิอันโด่งดังในแต่ละวัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผล โดยตัวเลขเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักปีนเขาลดลงร้อยละ 14 ในช่วงฤดูปีนเขาฤดูร้อนระหว่างเดือน ก.ค. – ก.ย. 2567

ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีการสร้างกำแพงกั้นชั่วคราวหน้าร้านสะดวกซื้อที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิอันตระการตา ซึ่งกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่อยากถ่ายภาพ และในเดือน ธ.ค. 2567 กินซันออนเซ็น เมืองน้ำพุร้อนของญี่ปุ่นซึ่งได้รับความนิยมจากทิวทัศน์หิมะที่สวยงามน่าถ่ายภาพ ได้เริ่มโครงการทดลองจำกัดการเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับ โดยเฉพาะผู้เข้าพักในโรงแรมในท้องถิ่นเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองได้หลัง 20.00 น. ในขณะที่ผู้ที่ต้องการเข้าชมระหว่าง 17.00 น. - 20.00 น. จะต้องจองก่อน

ขอบคุณเรื่องและภาพจาก

https://www.kpvi.com/news/national_news/japanese-tourist-hotspot-kyoto-to-hike-hotel-taxes/article_a424f992-87c7-56e1-9ca8-f6d3e39a4644.html

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top