สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า หมู่บ้านแบลทเทิน ทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อธารน้ำแข็งขนาดมหึมาบริเวณ "ธารเบิร์ช" (Birch glacier) พังทลายลงมาตามหุบเขา ส่งผลให้หมู่บ้านถูกถล่มทับกลืนหายไปในพริบตา เมื่อเวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 22 พฤษภาคม บ้านเรือนหลายหลังถูกฝังกลบจนราบเป็นหน้ากลอง และมีรายงานผู้สูญหาย 1 ราย

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นแม้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการอพยพประชาชนกว่า 300 คนออกจากพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากนักธรณีวิทยาได้เตือนถึงความไม่ปลอดภัยของธารน้ำแข็งแห่งนี้ ภาพโดรนที่เผยแพร่แสดงให้เห็นภาพธารน้ำแข็งขนาดใหญ่พังครืนลงมาจากภูเขาพร้อมมวลโคลนมหาศาลที่ไหลทะลักลงมาถล่มหมู่บ้านเบื้องล่าง

นายแมทเธียส เบลวัลด์ นายกเทศมนตรีเมืองแบลทเทิน กล่าวด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งว่า "สิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นจริง นับเป็นความสูญเสียอย่างมหาศาล" พร้อมยืนยันว่า "แม้หมู่บ้านจะไม่เหลือ แต่ชุมชนจะไม่ทิ้งกัน และจะยืนหยัดต่อไป" โดยทางการท้องถิ่นได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพสวิสในภารกิจกู้ภัยและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ สมาชิกสภารัฐบาลกลางก็กำลังเดินทางลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

นายราฟาเอล มาโยราซ หัวหน้าหน่วยจัดการภัยพิบัติธรรมชาติของภูมิภาค ได้ออกมาเตือนว่าชุมชนใกล้เคียงอาจจำเป็นต้องอพยพเพิ่มเติม หากมีการตรวจพบความเสี่ยงที่ธารน้ำแข็งจะพังถล่มอีกครั้ง เนื่องจากผลกระทบจาก ภาวะโลกร้อน ที่ทำให้ธารน้ำแข็งทั่วเทือกเขาแอลป์ละลายเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพอร์มาฟรอสต์ หรือดินเยือกแข็งที่เคยช่วยยึดโครงสร้างภูเขาไว้ก็เริ่มละลายตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน หน่วยงานธารน้ำแข็งสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยข้อมูลล่าสุดชี้ว่า หากอุณหภูมิโลกยังเพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามข้อตกลงปารีส ธารน้ำแข็งในประเทศอาจหายไปทั้งหมดภายในศตวรรษนี้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อเหตุน้ำท่วม ดินถล่ม และหายนะธรรมชาติอีกมากมายในอนาคต