2 มิ.ย. 2568 นสพ.The Guardian ของอังกฤษ รายงานข่าว More than half of top 100 mental health TikToks contain misinformation, study finds เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2568 ระบุว่า ในขณะที่ผู้คนนิยมพึ่งพาข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อหาคำแนะนำด้านสุขภาพจิต แต่ผลการศึกษากลับชี้ว่า บรรดาคนที่ตั้งตัวเป็น “ผู้รู้” มีอิทธิพลทางความคิดกับชาวเน็ต จำนวนมากกำลังเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน
ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมักพบกับคำแนะนำที่น่าสงสัย เช่น การกินส้มในห้องอาบน้ำเพื่อลดความวิตกกังวล การส่งเสริมอาหารเสริมที่มีหลักฐานยืนยันจำกัดในการบรรเทาความวิตกกังวล เช่น หญ้าฝรั่น แมกนีเซียมไกลซิเนต และโหระพา วิธีการรักษาบาดแผลทางจิตใจภายในหนึ่งชั่วโมง และคำแนะนำที่เสนอประสบการณ์ทางอารมณ์ปกติเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางบุคลิกภาพหรือการถูกทำร้าย
ทีมงานของ The Guardian ทดลองนำคลิปวีดีโอ 100 อันดับแรกที่ถูกโพสต์ภายใต้แฮชแท็ก #mentalhealthtips บนแพลตฟอร์ม TikTok ไปให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งนักจิตวิทยา จิตแพทย์ และนักวิชาการในสายที่เกี่ยวข้องช่วยดู เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นบอกว่า 52 คลิปจากวิดีโอทั้งหมด 100 คลิปที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับความเครียด ความผิดปกติทางระบบประสาท ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และโรคทางจิตเวชร้ายแรง มีข้อมูลที่ผิดพลาดบางส่วน และวิดีโออื่นๆ อีกมากมายคลุมเครือหรือไม่มีประโยชน์
เดวิด โอไก (David Okai) จิตแพทย์ที่ปรึกษาด้านประสาทวิทยาและนักวิจัยด้านจิตเวชศาสตร์ที่คิงส์คอลเลจลอนดอน ซึ่งได้ตรวจสอบวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า กล่าวว่า บางโพสต์ใช้ภาษาบำบัดอย่างไม่ถูกต้อง เช่น ใช้คำว่าความเป็นอยู่ที่ดี ความวิตกกังวล และความผิดปกติทางจิตสลับกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนว่าโรคทางจิตเกี่ยวข้องกับอะไรกันแน่ นอกจากนั้น วิดีโอจำนวนมากให้คำแนะนำทั่วไปโดยอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวที่จำกัดและหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งอาจไม่สามารถนำไปใช้ได้ในทุกกรณี
“โพสต์เหล่านั้นสะท้อนให้เห็นว่า เสียงสั้นๆ ที่ดึงดูดความสนใจบางครั้งอาจบดบังความเป็นจริงที่ละเอียดอ่อนกว่าของการบำบัดที่มีคุณสมบัติ บนสื่อโซเชียล วิดีโอดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงการบำบัดมากเกินไป แม้ว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจนสนับสนุนประสิทธิผลของการบำบัด แต่สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าการบำบัดไม่ใช่เวทมนตร์ การแก้ปัญหาที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว หรือวิธีแก้ปัญหาแบบตัดเสื้อเหมาโหล” โอไก กล่าว
เช่นเดียวกับ แดน พูลเตอร์ (Dan Poulter) จิตแพทย์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ ซึ่งได้ตรวจสอบวิดีโอเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิตที่ร้ายแรง กล่าวว่า วิดีโอบางคลิปทำให้ประสบการณ์และอารมณ์ในชีวิตประจำวันกลายเป็นโรค และแสดงให้เห็นว่าวิดีโอเหล่านี้เทียบเท่ากับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตที่ร้ายแรง ซึ่งนี่เป็นการให้ข้อมูลผิดๆ แก่ผู้ที่ประทับใจได้ง่าย และยังทำให้ประสบการณ์ชีวิตของผู้ที่ป่วยด้วยโรคจิตที่ร้ายแรงกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยอีกด้วย
ไม่ต่างจาก แอมเบอร์ จอห์นสตัน (Amber Johnston) นักจิตวิทยาที่ได้รับการรับรองจากสมาคมจิตวิทยาอังกฤษ ซึ่งได้ตรวจสอบวิดีโอเกี่ยวกับการบาดเจ็บทางจิต กล่าวว่า แม้คลิปวิดีโอส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาที่เป็นความจริงเพียงเล็กน้อย แต่วิดีโอเหล่านี้มักจะสรุปโดยรวมเกินไป โดยลดความซับซ้อนของอาการผิดปกติจากความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญหรืออาการที่กระทบกระเทือนจิตใจลง
“วิดีโอแต่ละคลิปล้วนแสดงให้เห็นว่าทุกคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับ PTSD (Post-traumatic Stress Disorder : ความผิดปกติทางจิตที่เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง) เหมือนกัน โดยมีอาการคล้ายกัน ซึ่งสามารถอธิบายได้ง่ายๆ ในคลิปวิดีโอ 30 วินาที ความจริงก็คือ PTSD และอาการที่กระทบกระเทือนจิตใจเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ไม่สามารถเปรียบเทียบระหว่างบุคคลได้ และจำเป็นต้องมีแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับการรับรองเพื่อช่วยให้บุคคลนั้นเข้าใจถึงธรรมชาติของความทุกข์ทรมานของตนเอง” จอห์นสตัน กล่าว
ศ.เบอร์นาดกา ดูบิกกา (Prof Bernadka Dubicka) หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยออนไลน์ของราชวิทยาลัยจิตแพทย์ กล่าวว่า แม้สื่อสังคมออนไลน์อาจช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ได้ แต่สิ่งสำคัญคือผู้คนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพที่เป็นปัจจุบันและมีหลักฐานยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ซึ่งการวินิจฉัยโรคทางจิตสามารถทำได้โดยการประเมินอย่างครอบคลุมจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า สมาชิกรัฐสภาและผู้เชี่ยวชาญ ชี้ผลการศึกษาที่พบว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยคำแนะนำด้านสุขภาพจิตที่ไม่มีประโยชน์ เป็นอันตราย และบางครั้งอาจเป็นอันตราย ถือเป็นเรื่อง “ที่น่าประณาม” และ “น่ากังวล” และเรียกร้องให้รัฐบาลเข้มงวดกฎระเบียบเพื่อปกป้องประชาชนจากการแพร่กระจายข้อมูลที่ผิดพลาด
ชิ ออนวูราห์ (Chi Onwurah) สมาชิกรัฐสภาจากพรรคแรงงาน กล่าวว่า คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีซึ่งตนเป็นประธานกำลังสอบสวนข้อมูลเท็จบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้หยิบยกข้อกังวลที่สำคัญขึ้นมาในการสอบสวนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ พ.ร.บ.ความปลอดภัยออนไลน์ (Online Safety Act) ในการจัดการกับเนื้อหาที่เป็นเท็จและ/หรือเป็นอันตรายบนอินเทอร์เน็ต และอัลกอริทึมที่แนะนำเนื้อหาดังกล่าว
“ระบบแนะนำเนื้อหาที่ใช้โดยแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok พบว่าสามารถขยายข้อมูลเท็จที่อาจเป็นอันตรายได้ เช่น คำแนะนำด้านสุขภาพจิตที่เข้าใจผิดหรือเป็นเท็จ เห็นได้ชัดว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขข้อบกพร่องใน พ.ร.บ.ความปลอดภัยออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถปกป้องความปลอดภัยออนไลน์และสุขภาพของประชาชนได้” ออนวูราห์ กล่าว
พอลเล็ตต์ แฮมิลตัน (Paulette Hamilton) สมาชิกรัฐสภาจากพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการคัดเลือกด้านสุขภาพและการดูแลทางสังคม กล่าวว่า ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพจิตบนสื่อสังคมออนไลน์นั้นน่ากังวล และไม่ควรพึ่งพาคำแนะนำเหล่านี้แทนการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่นเดียวกับ วิคตอเรีย คอลลินส์ (Victoria Collins) สมาชิกรัฐสภาพรรคเสรีประชาธิปไตย ที่กล่าวว่า ข้อต้นพบนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากข้อมูลเท็จที่เป็นอันตราย
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า TikTok กำลังกลายเป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาดโดยแนะนำว่ามีเคล็ดลับและความจริงสากลที่เป็นความลับ ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกแย่ลงไปอีก ราวกับเป็นคนล้มเหลว เมื่อเคล็ดลับเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งทาง TikTok ระบุว่า วิดีโอนั้นจะถูกลบออกหากทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้ารับการรักษาทางการแพทย์หรือส่งเสริมการรักษาที่เป็นอันตราย เมื่อผู้คนในอังกฤษค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ออทิสติก หรือโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ พวกเขายังถูกนำทางไปยังข้อมูลของ NHS (สำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ) ด้วย
โฆษกของ TikTok กล่าวว่า TikTok เป็นสถานที่ที่ผู้คนหลายล้านคนแสดงออกถึงตัวตน แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่แท้จริง และค้นหาชุมชนที่คอยสนับสนุน และแย้งว่ามีข้อจำกัดที่ชัดเจนในระเบียบวิธีของการศึกษานี้ ซึ่งขัดขวางการแสดงออกอย่างเสรี และชี้ให้เห็นว่าผู้คนไม่ควรได้รับอนุญาตให้แบ่งปันเรื่องราวของตนเอง พร้อมย้ำว่า TikTok ทำงานเชิงรุกร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และ NHS เพื่อส่งเสริมข้อมูลที่เชื่อถือได้บนแพลตฟอร์ม และลบข้อมูลเท็จที่เป็นอันตรายออกไปถึงร้อยละ 98 ก่อนที่จะรายงานให้ทราบ
ขณะที่โฆษกรัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำลังดำเนินการเพื่อลดผลกระทบของเนื้อหาที่ผิดพลาดและข้อมูลบิดเบือนที่เป็นอันตรายทางออนไลน์ ผ่านทาง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางออนไลน์ ซึ่งกำหนดให้แพลตฟอร์มต่างๆ ต้องจัดการกับเนื้อหาประเภทนี้หากผิดกฎหมายหรือเป็นอันตรายต่อเด็ก
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี