‘ยูเอ็น’ยังกังวล! รายงานชี้‘กัมพูชา’หลายเมืองกลายเป็นแหล่งซ่องสุม'โจรออนไลน์'

‘ยูเอ็น’ยังกังวล! รายงานชี้‘กัมพูชา’หลายเมืองกลายเป็นแหล่งซ่องสุม'โจรออนไลน์'

วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 11.14 น.

18 มิ.ย. 2568 นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ UN agency map reveals Cambodia as global scammer hub ระบุว่า ที่ประเทศกัมพูชา รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต (Hun Manet) กำลังเผชิญกับแรงกดดันภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายลง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้น และกิจกรรมผิดกฎหมายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) ซึ่งข้อมูลข่าวกรองรวมถึงรายงานที่มีการเผยแพร่ระหว่างประเทศ ชี้ว่า ชนชั้นนำที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจในกัมพูชาเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ไม่น้อย

หนึ่งในรายงานที่ถูกเผยแพร่ จัดทำโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้กล่าวอย่างละเอียดถึงกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการฉ้อโกงทางออนไลน์ รวมถึงมีแผนที่ที่ระบุฐานปฏิบัติการของมิจฉาชีพหลายแห่งอย่างชัดเจนตามแนวชายแดนกัมพูชา – ไทย รายงานฉบับนี้ยังให้ภาพที่แตกต่างไปจากความเชื่อเดิมที่ว่าเมียนมาคือศูนย์กลางของภูมิภาคสำหรับอาชญากรรมประเภทนี้ โดยชี้ว่ากัมพูชาต่างหากที่เป็นแหล่งซ่องสุมหลักของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะที่เมืองสีหนุวิลล์


รายงานดังกล่าวเน้นถึงเม็ดเงินจากต่างประเทศจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งได้พัฒนาเป็นทั้งแหล่งซ่อนตัวและฐานปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากรที่มุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลกรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยด้วย อาทิ ที่เมืองปอยเปต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนกัมพูชา ตรงข้ามกับ อ.อรัญประเทศ ใน จ.สระแก้ว ของไทย เป็นพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับเครือข่ายอาชญากรที่พยายามแทรกซึมเข้ามาในตลาดของประเทศไทย

ทางตอนใต้และเขตชั้นในของกัมพูชา รวมถึงเมืองหลวงอย่างกรุงพนมเปญ เมืองที่มีชื่อเสียงอย่างบาเวต และพระสีหนุ (สีหนุวิลล์) ก็ถูกเน้นย้ำในลักษณะเดียวกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมการหลอกลวงไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณชายแดน ภาพเหล่านี้ได้เน้นย้ำถึงขนาดและองค์กรที่ฝังรากลึกของกิจกรรมทางอาชญากรรมทางไซเบอร์ภายในกัมพูชา

ผลการศึกษาของ UNODC เผยให้เห็นไม่เพียงแต่ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ที่เพิ่มขึ้นในฐานะศูนย์กลางของอาชญากรรมทางไซเบอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอำนาจทางการเมือง ความสิ้นหวังทางเศรษฐกิจ และอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้กำลังกำหนดความท้าทายภายในและภายนอกประเทศกัมพูชา

“ความกังวลหลักประการหนึ่งสำหรับประชาคมโลก บรรดาชาติมหาอำนาจ และ UNODC คือหลักฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางการเงินที่ชัดเจนระหว่างชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชาและอุตสาหกรรมหลอกลวงที่กำลังเติบโตของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ถูกเรียกว่าเป็นฐานปฏิบัติการฉ้อโกงที่ดำเนินการภายใต้หน้ากากของธุรกิจที่ถูกกฎหมาย” รายงานของสื่อสิงคโปร์ ระบุ

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือกลุ่ม LYP ซึ่งถือสัมปทานในเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกงของกัมพูชา บริษัทในเครือ ได้แก่ Koh Kong International Resort Club และ Export-Import กลุ่มนี้ถูกคว่ำบาตรและขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐอเมริกา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับ และการฉ้อโกงทางออนไลน์

ในคดีที่ละเอียดอ่อนทางการเมืองมากขึ้น หลานชายของ ฮุน เซน (Hun Sen) อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการฉ้อโกงทางออนไลน์ครั้งใหญ่ รวมถึงการยักยอกทรัพย์สินดิจิทัลมูลค่ากว่า 49,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (63,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราว 1.6 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2564 นอกจากนั้นยังถูกเชื่อมโยงกับ Huione Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่าทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการฟอกเงินและการโจรกรรมทางไซเบอร์ในภูมิภาค

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/un-agency-map-reveals-cambodia-as-global-scammer-hub

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.naewna.com/inter/891245 นครแห่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์! สื่อนอกตีข่าวงานวิจัยชี้‘กัมพูชา’แหล่งใหญ่ฐานปฏิบัติการหลอกลวง

043...

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top