24 กันยายน 2568 กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกแถลงการณ์ตอบโต้ กรณีเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 68 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ชาวบ้านเปรยจันในกัมพูชา (บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว) ได้บุกรุกดินแดนไทยเพื่อประท้วง ซึ่งส่งผลให้ไทยต้องบังคับใช้กฎหมายกับพวกเขา กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาจึงจำเป็นต้องชี้แจงต่อข้อความที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ ดังนี้ ...
ประการแรก ประเทศไทยไม่สามารถอ้างสิทธิ์อธิปไตยหรือใช้กฎหมายภายในประเทศกับชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้กำหนดเขตแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการหยุดยิง ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรักษาไว้โดยการงดเว้นจากกิจกรรมยั่วยุ ช่วงเวลาของการบังคับใช้กฎหมายไทยอย่างไม่ชอบธรรมนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าชุมชนชาวกัมพูชาได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ของหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบยโจน จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชามาเป็นเวลานานก่อนที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชาและไทยในปี พ.ศ. 2543 (MOU 2000) ตามบันทึกความเข้าใจนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคงสถานะเดิมไว้จนกว่างานกำหนดเขตแดนจะเสร็จสมบูรณ์ ข้อกำหนดอ้างอิง พ.ศ. 2546 ระบุว่างานกำหนดเขตแดนประกอบด้วยห้าขั้นตอนที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์
ประการที่สอง การประท้วงของชาวบ้านชาวกัมพูชาเป็นการตอบโต้โดยชอบธรรมต่อการละเมิดทรัพย์สินและบ้านเรือนของพวกเขา เนื่องจากลวดหนามที่ล้อมรอบหมู่บ้านและเครื่องกีดขวางปิดกั้นทางเข้าบ้านเรือนและไร่นาของพวกเขา สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือต้องเปิดเผยว่าทีมเทคนิคของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันเกี่ยวกับตำแหน่งของเสาหลักชายแดนหมายเลข 43 แล้ว แต่ยังไม่ได้ตกลงกับเสาหลักชายแดนหมายเลข 42 ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเปรยจัน ดังนั้น การนำเสนอภาพกราฟิกที่แสดงเส้นแบ่งเขตแดนตั้งแต่เสาหลักชายแดนหมายเลข 43 ถึงเสาหลักชายแดนหมายเลข 42 เพื่อยืนยันว่าเหตุการณ์รุนแรงต่อผู้ประท้วงเกิดขึ้นภายในเขตแดนของไทยจึงถือเป็นการเข้าใจผิด
ประการที่สาม แม้จะดูจากเส้นตรงที่บิดเบือนไปจากภาพอินโฟกราฟิกที่ฝ่ายไทยนำเสนอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนไทยได้ครอบครองและทำการเกษตรบนพื้นที่หลายเฮกตาร์ที่ตั้งอยู่บนพรมแดนฝั่งกัมพูชามาเป็นเวลานานหลายปี ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อนของปัญหาชายแดนในส่วนนี้ กัมพูชาจึงเรียกร้องให้ฝ่ายไทยแก้ไขปัญหาพื้นที่พิพาทนี้ผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ แทนที่จะพยายามบังคับใช้กฎหมายและอำนาจอธิปไตยของไทยด้วยกำลัง รวมถึงการบังคับขับไล่ชาวบ้านชาวกัมพูชาออกไป
ประการที่สี่ ควรระลึกไว้ด้วยว่า ภายใต้กรอบข้อตกลงบันทึกความเข้าใจปี 2000 กัมพูชาได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อฝ่ายไทยหลายครั้ง เพื่อขอให้มีการดำเนินการแก้ไขในพื้นที่ที่มีการละเมิดพรมแดนฝั่งกัมพูชา แต่ก็ไม่เป็นผล ความตึงเครียดในปัจจุบันเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ทั้งสองฝ่ายต้องสนับสนุนให้ JBC ให้ความสำคัญและเร่งรัดการปักปันเขตแดนในส่วนนี้ให้แล้วเสร็จ ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการกลับมาดำเนินงานของ JBC ตามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจปี 2000
ประการที่ห้า กัมพูชาขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อเงื่อนไขการหยุดยิงตามที่บันทึกไว้ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. และ 10 ก.ย. และการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค เมื่อเดือน ส.ค. 2568 กัมพูชาหวังว่าประเทศไทยจะยึดมั่นตามเงื่อนไขการหยุดยิงที่ยืนยันไว้ด้วยความจริงใจ โดยการยุติแผนการขับไล่ชาวกัมพูชาหลายร้อยครัวเรือนออกจากบ้านเรือนและที่ดินที่พวกเขาอาศัยอยู่มานานหลายทศวรรษ และโดยอนุญาตให้ผู้ที่ถูกขับไล่ออกไปแล้วกลับบ้านเรือนและที่ดินของตนได้ ในขณะที่รอคอยอย่างอดทนให้ JBC ดำเนินการแบ่งเขตเสร็จสิ้น
รัฐบาลกัมพูชามุ่งมั่นที่จะหาทางแก้ไขข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับไทยโดยสันติ เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ โดยใช้แนวทางสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังคงยืนหยัดในจุดยืนตามหลักการที่ว่าจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเขตแดนด้วยกำลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี