ทำความรู้จักหญิงเหล็ก! 'ซานาเอะ ทาคาอิจิ'นายกฯหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ทำความรู้จักหญิงเหล็ก! 'ซานาเอะ ทาคาอิจิ'นายกฯหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.50 น.

21 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่น ได้ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดย 'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ' (Sanae Takaichi) ได้รับชัยชนะด้วยคะแนน 237 เสียง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาทั้งหมด 465 ที่นั่ง (ต้องได้ 233 เสียง) ทำให้เธอเตรียมเข้าพิธีสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 104 ของญี่ปุ่นในเย็นวันเดียวกัน และจะกลายเป็นผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ

ก่อนหน้านี้ 'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ'  นักการเมืองหญิงแนวอนุรักษนิยม วัย 64 ปี ประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่น ในวาระครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งพรรค หลังความพยายามถึง 3 ครั้ง 


'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ'  เธอเกิดที่จังหวัดนาราเมื่อปี 1961 พ่อของทาคาอิชิเป็นพนักงานออฟฟิศ ส่วนแม่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องการเมืองนั้นห่างไกลจากชีวิตในวัยเด็กของเธอมาก ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นมือกลองเพลงเฮฟวีเมทัลตัวยง เธอมีชื่อเสียงจากการถือไม้ตีกลองจำนวนมาก เพราะเธอจะหักไม้ตีกลองอย่างแรง เธอยังเป็นนักดำน้ำลึกและผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์อีกด้วย ปัจจุบันรถโตโยต้า ซูปร้าคันโปรดของเธอจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์นารา

ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมือง ทาคาอิจิเคยทำงานเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์อยู่ช่วงหนึ่ง แรงบันดาลใจทางการเมืองของเธอเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นกำลังรุนแรงที่สุด เธอมุ่งมั่นที่จะเข้าใจมุมมองของชาวอเมริกันที่มีต่อญี่ปุ่น เธอจึงทำงานในสำนักงานของแพทริเซีย ชโรเดอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ญี่ปุ่น

'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ'  ได้เห็นชาวอเมริกันผสมผสานภาษาและอาหารญี่ปุ่น จีน และเกาหลีเข้าด้วยกัน สังเกตเห็นว่าญี่ปุ่นมักถูกจัดกลุ่มร่วมกับจีนและเกาหลีใต้ "หากญี่ปุ่นไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ชะตากรรมของมันจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความคิดเห็นตื้นๆ ของสหรัฐฯ เสมอ" เธอลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาครั้งแรกในปี 1992 ในฐานะผู้สมัครอิสระ แต่พ่ายแพ้

เธอยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถคว้าชัยชนะได้หนึ่งที่นั่งในอีกหนึ่งปีต่อมา และเข้าร่วมพรรค LDP ในปี 1996 นับแต่นั้นมา เธอได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ถึง 10 ครั้ง แพ้เพียงครั้งเดียว และสร้างชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเสียงอนุรักษ์นิยมที่กล้าพูดกล้าแสดงออกมากที่สุดของพรรค

เธอยังเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาล รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

ในปี 2021 ทาคาอิจิได้ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP เป็นครั้งแรก แต่พ่ายแพ้ให้กับฟูมิโอะ คิชิดะ เธอพยายามอีกครั้งในปี 2024 ครั้งนี้ได้คะแนนเสียงสูงสุดในรอบแรก แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับชิเงรุ อิชิบะ

ในปีนี้ ในความพยายามครั้งที่สาม เธอได้รับชัยชนะ ซึ่งทำให้เธอก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น เมื่อรัฐสภาอนุมัติการแต่งตั้ง เธอกล่าวกับกลุ่มเด็กนักเรียนระหว่างการหาเสียงเมื่อเร็วๆ นี้ว่า "เป้าหมายของฉันคือการเป็นหญิงเหล็ก" 

'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ'  เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองสายอนุรักษนิยมที่แข็งกร้าว และเป็นลูกศิษย์คนสนิทของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้ล่วงลับ โดยเธอประกาศจะฟื้นฟูวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจแบบ "อาเบะโนมิกส์" ที่เน้นการใช้จ่ายภาครัฐสูงและการกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ทางด้านสังคม : เธอเคยคัดค้านกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วสามารถใช้นามสกุลเดิมได้ โดยยืนยันว่าเป็นการบ่อนทำลายธรรมเนียมเดิม เธอยังต่อต้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกันอีกด้วย แต่ในช่วงหาเสียง เธอได้ผ่อนคลายท่าทีลง โดยให้คำมั่นที่จะผลักดันมาตรการช่วยลดค่าใช้จ่ายการดูแลเด็ก และนำไปหักลดหย่อนภาษีได้บางส่วน และเสนอให้ลดหย่อนภาษีนิติบุคคลสำหรับบริษัทที่ให้บริการดูแลเด็กภายในองค์กร

ประสบการณ์ส่วนตัวและครอบครัวของเธอเป็นแรงผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายของเธอ ได้แก่ การขยายบริการโรงพยาบาลเพื่อสุขภาพสตรี การให้การยอมรับแก่ผู้ช่วยเหลืองานบ้านมากขึ้น และการปรับปรุงทางเลือกในการดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่น

"ฉันเคยมีประสบการณ์การพยาบาลและการดูแลเด็กมาแล้วสามครั้งในชีวิต นั่นเป็นเหตุผลที่ความมุ่งมั่นของฉันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในการลดจำนวนคนที่ถูกบังคับให้ออกจากงานเนื่องจากการดูแล การเลี้ยงดูบุตร หรือเด็กที่ปฏิเสธที่จะไปโรงเรียน ฉันต้องการสร้างสังคมที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องละทิ้งอาชีพการงาน"

ด้านความมั่นคง : เธอไปศาลเจ้ายาสุกุนิอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงและยกย่องผู้เสียชีวิตในสงครามของญี่ปุ่น รวมถึงอาชญากรสงคราม นอกจากนี้เธอยังเรียกร้องให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญต่อกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นด้วย

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1955 พรรค LDP ได้ครองอำนาจทางการเมืองในญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคเริ่มสูญเสียฐานเสียงสนับสนุน ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ปัญหาประชากรลดลง และความไม่พึงพอใจในประเด็นทางสังคม

'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ' ซึ่งอยู่กลุ่มฝ่ายขวาของพรรค LDP ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคในช่วงเวลาที่พรรคต้องการฟื้นฟูความนิยมจากกลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมที่ต้องการดึงฐานเสียงอนุรักษนิยมกลับคืน หลังจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนหันไปสนับสนุนพรรคขวาจัดอย่างพรรคซันเซโตะ (Sanseito party)

พรรคซันเซโตะ ซึ่งใช้คำขวัญว่า "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน" (Japanese First) มีจำนวนที่นั่งในรัฐสภาเพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 15 ที่นั่งในช่วงหลัง ส่งผลให้พรรคสามารถดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมไปได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกัน พรรค LDP ต้องเผชิญกับการสูญเสียเสียงข้างมากในทั้งสองสภา

'นางซานาเอะ ทาคาอิจิ'  ยอมรับถึงความท้าทายนี้ในสุนทรพจน์หลังจากชนะการลงคะแนนรอบแรกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค โดยกล่าวว่า เราถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากผู้สนับสนุนหลัก กลุ่มอนุรักษนิยม และสมาชิกพรรค LDP จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของญี่ปุ่น เราจะยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก และบริหารประเทศด้วยความสมดุล

เรียบเรียงจาก : BBC

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top