6 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคมสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า จะสั่งให้ท่าอากาศยานใหญ่ 40 แห่งทั่วประเทศลดการรับเที่ยวบินเข้าออกลงร้อยละ 10 เขาจะยกเลิกคำสั่งนี้หากพรรคเดโมแครตยินยอมที่จะทำให้ชัตดาวน์ยุติ พร้อมกับอ้างว่า การตัดสินใจนี้เป็นไปตามการประเมินความปลอดภัยเรื่องผลกระทบของชัตดาวน์ที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ

สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติหรือเอฟเอเอ (FAA) ของสหรัฐฯ ได้แจ้งสายการบินรายใหญ่ของสหรัฐฯ ว่า ท่าอากาศยานใหญ่ ๆ จะเริ่มลดการรับเที่ยวบินเข้าออกลงร้อยละ 4 ในวันศุกร์ จากนั้นจะเพิ่มเป็นร้อยละ 5 ในวันเสาร์ ร้อยละ 6 ในวันอาทิตย์ และร้อยละ 10 ในสัปดาห์หน้า ยกเว้นเที่ยวบินระหว่างประเทศ

ภาพ : Reuters

รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อท่าอากาศยาน 40 แห่งที่จะลดเที่ยวบิน แต่บริษัทวิเคราะห์ด้านการบินซีเรียม (Cirium) คาดว่า จะมีท่าอากาศยานพลุกพล่านที่สุด 30 แห่งรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้มีการลดจำนวนเที่ยวบินมากถึง 1,800 เที่ยว และจำนวนที่นั่งผู้โดยสารมากกว่า 268,000 ที่นั่ง เอฟเอเอจะมีคำสั่งอย่างเป็นทางการในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ

ปัจจุบันสหรัฐฯ ขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศอยู่ราว 3,500 คน หลายคนจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาและทำงานสัปดาห์ละ 6 วันตั้งแต่ยังไม่เกิดชัตดาวน์ ขณะที่ชัตดาวน์ที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 36 แล้วนับจนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน สร้างสถิติชัตดาวน์ยาวนานที่สุดของประเทศ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ 13,000 คน และเจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยการขนส่งหรือทีเอสเอ (TSA) 50,000 คน ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ด้านสายการบินเปิดเผยว่า การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศทำให้เที่ยวบินล่าช้า มีผู้เดินทางได้รับผลกระทบแล้วกว่า 3 ล้านคน