3 ธันวาคม 2568 สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่า เมียนมามีการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงที่สุดในรอบ 10 ปี โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 5 ในช่วงปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการที่เกษตรกรหันไปลอบค้าฝิ่น เนื่องจากในประเทศมีการสู้รบและมีความยากลำบากทางเศรษฐกิจ

รายงานของยูเอ็นโอดีซีที่เผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า พื้นที่การปลูกต้นฝิ่นในเมียนมาเพิ่มขึ้นจาก 282,500 ไร่ในปี 2567 เป็น 331,875 ไร่ในปีนี้ เดิมการปลูกต้นฝิ่นในเมียนมาได้ลดลงมาตลอดหลายปี แต่พบว่ามีการปลูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝิ่นมีราคาสูงขึ้น 2 เท่า พื้นที่ที่มีการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ พื้นที่ฝั่งตะวันออกของรัฐฉาน ปลูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 ตามมาด้วยรัฐชินที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมียนมา ปลูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ขณะที่พื้นที่ตอนใต้ของรัฐฉานยังเป็นแหล่งปลูกฝิ่นหลักมากถึงร้อยละ 44 ของทั้งประเทศ ปัจจุบันทั้ง 3 พื้นที่นี้ยังคงมีการสู้รบของกองทัพกับกลุ่มติดอาวุธ

นอกจากนี้รายงานของยูเอ็นโอดีซียังพบพื้นที่ปลูกฝิ่น 3,450 ไร่ ทางตอนเหนือของภาคสะกายที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมาและใกล้กับอินเดีย นับเป็นครั้งแรกที่พบการปลูกฝิ่นในพื้นที่นี้ บ่งชี้ว่าการปลูกฝิ่นทางฝั่งตะวันตกของเมียนมามีการขยายพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน

เดลฟิน ชันต์ซ ผู้แทนยูเอ็นโอดีซีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกแถลงว่า เมียนมาอยู่ในจุดวิกฤต พื้นที่เพาะปลูกที่มีการขยายตัวอย่างมากแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจที่พึ่งพาฝิ่นได้กลับมาอีกครั้งในช่วงหลายปีมานี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวอีกในอนาคต

เมียนมาตกอยู่ในความวุ่นวายทางการเมืองนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในปี 2564 และขณะนี้รัฐบาลทหารเมียนมากำลังเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเริ่มในวันที่ 28 ธันวาคม ในขณะที่สงครามกลางเมืองยังคงดำเนินอยู่