17 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งขยายมาตรการห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยห้ามพลเมืองของอีก 5 ประเทศ และผู้ที่เดินทางโดยใช้เอกสารที่ออกโดยองค์การปกครองปาเลสไตน์ เข้าสหรัฐฯ
ทำเนียบขาว ระบุว่า ข้อจำกัดดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า มาตรการห้ามเข้าประเทศอย่างเต็มรูปแบบจะถูกบังคับใช้กับพลเมืองจาก บูร์กินาฟาโซ , มาลี ,ไนเจอร์ ,ซูดานใต้ และซีเรีย รวมถึงผู้ถือหนังสือเดินทางขององค์การปกครองปาเลสไตน์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ปรับให้ ลาว และ เซียร์ราลีโอน ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้รายชื่อประเทศที่ห้ามเข้าบางส่วน ไปอยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกห้ามเข้าประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และกำหนดข้อจำกัดบางส่วนให้กับอีก 15 ประเทศ รวมถึงไนจีเรีย แทนซาเนีย และซิมบับเว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า การขยายมาตรการห้ามเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากความล้มเหลวในระบบการคัดกรองและการตรวจสอบในต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่อ้างถึงอัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่าที่สูง บันทึกทะเบียนราษฎรที่ไม่น่าเชื่อถือ การทุจริต กิจกรรมก่อการร้าย และการขาดความร่วมมือในการรับตัวพลเมืองที่ถูกเนรเทศ ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ 'ทรัมป์' ปรับเพิ่มคำสั่งห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐฯ
ทำเนียบขาว กล่าวว่า ข้อจำกัดจะยังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบจะแสดงให้เห็นถึง "การปรับปรุงที่น่าเชื่อถือ" ในการจัดการตัวตน การแบ่งปันข้อมูล และความร่วมมือกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ มีข้อยกเว้นหลายประการ และการห้ามนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้พำนักถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ถือวีซ่าจำนวนมาก นักการทูต หรือนักกีฬาที่เดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาสำคัญ โดยจะมีการยกเว้นเป็นกรณีๆ ไป หากการเดินทางนั้นถือเป็นผลประโยชน์ของชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี