รัฐบาลออสเตรเลีย ประกาศโครงการรับซื้ออาวุธปืนคืนจากประชาชนหวังลดการก่อเหตุรุนแรง หลังเพิ่งเกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

19 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า รัฐบาลจะเริ่มโครงการรับซื้อคืนอาวุธปืนทั่วประเทศ โครงการนี้มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลเตรียมควบคุมกฎหมายการถือครองอาวุธปืนให้เข้มงวดมากขึ้น โดยคาดว่าจะออกใบอนุญาตปืนให้เฉพาะพลเรือนชาวออสเตรเลียเท่านั้น รวมทั้งจะตรวจสอบประวัติของผู้ขอใบอนุญาตพกปืนให้ดีขึ้นกว่าเดิม

       สำหรับโครงการรับซื้อปืนคืนจากประชาชนนั้น จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอาวุธปืนในครอบครองเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด หรือ ผู้ที่ถือครองปืนเถื่อน นำมาขายคืนได้โดยงบประมาณรับซื้อมาจาก รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้รัฐบาลออสเตรเลียยังจะปรับแก้กฎหมายต่อต้านความเกลียดชังให้เข้มงวดขึ้นด้วย โดยปัจจุบัน ออสเตรเลีย มีอาวุธปืนจดทะเบียนถูกกฎหมายกว่า 4 ล้านกระบอก

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเคยใช้มาตรการรับซื้อปืนคืนมาแล้ว 640,000 กระบอกเมื่อปี 2539 หลังเกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ที่พอร์ท อาร์เธอร์ ในรัฐแทสเมเนียซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 35 ราย ในครั้งนั้น รัฐบาลใช้งบในการรับซื้อคืนรวม 304 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ กว่า 6,300 ล้านบาท

โดยออสเตรเลียหวังจะลดการก่อเหตุรุนแรง หลังเกิดเหตุกราดยิงงานฉลองเทศกาลฮานุกกะห์ของชาวยิว ใกล้หาดบอนไดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย

       ด้าน ผู้นำออสเตรเลียประกาศให้มีพิธีไว้อาลัยแก่เหยื่อกราดยิงในวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม โดยขอให้ชาวออสเตรเลียร่วมกันจุดเทียนในเวลา 18.47 น. ซึ่งตรงกับเวลาที่เกิดเหตุ เป็นการรำลึกและเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตในโอกาสครบ 7 วัน เพื่อแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชุนชนชาวยิว และจะมีการลดธงครึ่งเสาตามอาคารของหน่วยงานรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดวันไว้อาลัยทั่วประเทศในช่วงปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง