“ไปโตเกียวอีกแล้ว ไม่เบื่อหรือ มีอะไรดีนักหนาเชียว อยากรู้จัง ไปทำไมบ่อยๆ มีอะไรดีหรือ”
นี่คือคำถามทั่วไปจากคนที่ไม่รู้จักโตเกียวดีพอ แต่หากเป็นคนที่รู้จักโตเกียวดีแล้ว จะไม่ถามคำถามเช่นนี้ แต่จะบ่นว่า
“อยากไปโตเกียวอีก แต่ของแพงจัง เสียดายเงิน ค่าที่นอนในโรงแรมดีๆ ก็แพงมาก ค่าอาหารการกินก็แพงกว่าบ้านเราหลายเท่า แต่ถึงจะแพงก็ยังอยากไปอีก เพราะติดใจสภาพบ้านเรือน ความสะอาดสะอ้าน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยชอบสวนสาธารณะ ชอบพิพิธภัณฑ์และชอบสิ่งแวดล้อมของเขามาก เพราะว่าเขารักษาได้ดีตลอดเวลา และชอบการเดินทางด้วยรถไฟของเขามากที่สุด ไปไหนมาไหนแสนสะดวกสบาย สะอาด ปลอดภัย ไม่ต้องหวาดระแวงมากจนเกินไปเมื่อเดินเที่ยวในกรุงโตเกียว ถึงแม้คนของเขาจะพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่ส่วนใหญ่คนของเขาก็มีจิตใจดี ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วยความเต็มใจ”
คุณล่ะ เวลาเมื่อพูดถึงกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น คุณตั้งคำถามแบบไหน
สัปดาห์ก่อน ผมชวนคุณๆ ไปเที่ยวกรุงโตเกียวกับผม(ขอเน้นว่าไปกันเพียงกลุ่มเล็กๆ 12-14 คน เท่านั้น) โดยกำหนดการคร่าวๆ คือเดินทางช่วงปลายสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนกรกฎาคม อาจจะเป็นวันที่ 5-11 กรกฎาคม 2561 (นอนห้าคืนที่โตเกียว) หรือไม่ก็วันที่ 5-10 กรกฎาคม (นอนสี่คืนที่โตเกียว) โดยจะนอนที่ย่านอาซากูสะ หรือไม่ก็ที่ย่านอูเอโนะ โดยพักในโรงแรมแห่งเดียวไม่ต้องย้ายข้าวย้ายของไปไหนเลย เพราะเบื่อกับการย้ายโรงแรมทุกวัน ซึ่งเสียเวลาและเหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์
โดยคณะของเราจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในคืนวันที่5 กรกฎาคม แล้วไปถึงกรุงโตเกียวเช้าตรู่วันที่ 6 กรกฎาคม แล้วก็กลับสู่กรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันที่ 10 หรือ 11 กรกฎาคม ซึ่งก็จะถึงกรุงเทพฯ ช่วงประมาณ 4 ทุ่มของคืนนั้น นับว่าเป็นเวลาที่ดีพอประมาณ เพราะถึงเมืองไทยไม่ดึกจนเกินไป แล้วที่สำคัญคือเรายังสามารถเที่ยวโตเกียวในช่วงเช้าถึงบ่ายโมงของวันจะเดินทางกลับได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเที่ยวกันแบบเต็มอิ่มตั้งแต่วันไปจนยันวันกลับ
โรงแรมที่คณะของเราจะเลือกนอน ก็ต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ไม่ห่างไกลจากสถานีรถไฟมากจนเดินไม่ไหว ซึ่งตามปกติเราจะพักที่โรงแรมซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไม่เกิน 200-300 เมตร สาเหตุที่เลือกเช่นนี้ก็เพราะทริปของเราจะไม่มีการใช้รถโค้ช แต่จะใช้รถไฟฟ้าเท่านั้น โดยเริ่มใช้จากสนามบินนาริตะไปจนถึงที่พัก แล้วก็จะใช้รถไฟในการเดินทางท่องเที่ยว และกินทุกวัน และสาเหตุสำคัญอีกประการที่เลือกนอนใกล้สถานีรถไฟฟ้าก็เพราะ ถ้าหากสมาชิกรายใดเดินเที่ยวแล้วเหนื่อยล้า หรือเบื่อหน่ายไม่อยากเดินต่อ ก็สามารถนั่งรถไฟกลับไปนอนพักเอาแรงก่อนได้ เมื่องีบสักพักแล้วเรียกแรงกลับคืนมาได้ก็จึงค่อยเดินเที่ยวต่อกันใหม่
ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น ทริปของเราไม่ได้คิดค่าอาหารรวมไว้ แต่เราจะมีร้านอาหารต่าง ๆ นานาให้คุณเลือกกินตามความพอใจ ใครใคร่กินอะไรก็เชิญตามสบาย กินเท่าไรกินถูกกินแพงก็จ่าย
เท่านั้น กินมากกินน้อยก็จ่ายตามจริง แต่มีข้อตกลงร่วมกันว่าเราจะกินในย่านเดียวกัน โดยใช้เวลากินแต่ละมื้อประมาณ 1 ชั่วโมง (ยกเว้นมื้อเย็นที่ต้องใช้เวลามากสัก 2 ชั่วโมง เพราะลูกค้าจะมาก และไม่ต้องรีบร้อนจะกินไม่สนุก) สาเหตุที่ไม่รวมราคาค่าอาหารไว้ในทริปเพราะทุกคนจะได้มีอิสระในการเลือกรับประทานของที่แต่ละคนชอบ แล้วที่สำคัญคือร้านอาหารดีๆ ในโตเกียว (และทั่วทั้งญี่ปุ่น) ที่ชาวเมืองเขารับประทานกันนั้นจะมีขนาดเล็ก ให้บริการลูกค้าได้เพียงไม่กี่รายเท่านั้น
ถ้าเช่นนั้นก็จะมีคำถามว่า แล้วคิดค่าบริการสำหรับทริปนี้อย่างไร ก็ตอบว่าคิดจากค่าตั๋วเครื่องบิน (ซึ่งไม่ใช่แบบโลว์คอสต์)ค่าโรงแรมระดับ 3 ดาว ค่าประกันภัยกลุ่ม ค่าตั๋วรถไฟ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และวัง รวมถึงค่าขึ้นชม Tokyo Sky Tree แต่คุณๆไม่ต้องให้ทิปผม โปรดเก็บทิปไว้สำหรับร่วมโครงการไถ่ชีวิตโคกระบือจากโรงฆ่าสัตว์เพื่อนำไปมอบให้ชาวไร่ชาวนา ซึ่งเป็นโครงการที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า และผู้อ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้า และกระผมเองได้ร่วมทำโครงการนี้มาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว
สำหรับโปรแกรมคร่าวๆ คือ เมื่อเดินทางถึงกรุงโตเกียววันแรก เราก็จะนำข้าวของไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน เพราะยังcheck in ไม่ได้ จนกว่าจะถึงบ่ายสามโมง แล้วเราก็จะไปเที่ยววัดอาซากูสะ หรือหากต้องการนั่งรถลากด้วยแรงหนุ่มๆ ญี่ปุ่นเพื่อชมบริเวณรอบๆ อาซากูสะ ก็สามารถทำได้ แล้วก็ไปเที่ยวชม Tokyo Sky Tree หากจะขึ้นชมกันทุกคนก็ซื้อบัตรด้วยกัน จากนั้นก็กลับเข้าไปล้างหน้าล้างตา refreshmentที่โรงแรม ก่อนจะออกมาตะลุยราตรีโตเกียว (จบคืนที่ 1)
วันรุ่งขึ้นเราจะออกเที่ยวกันสายๆ โดยเริ่มที่อูเอโนะ เข้าไปเดินชมสวน แล้วแวะชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ โตเกียว และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ชมวัดในสวนอูเอโนะ ชมสวนสัตว์เดินเล่นให้เย็นใจที่ตลาด Ameyoko แล้วก็แวะไปละลายทรัพย์ที่ตึกม่วง Takeya เพียงแค่นี้ก็หมดไปแล้วหนึ่งวัน (คืนที่สอง)
วันต่อมาก็ไปเที่ยวนอกเมืองสักหน่อย โดยไปที่คามากูระ ไปไหว้พระใหญ่ไดบุทสึ ไปดูบ้านเมืองเก่า ดูตลาดเก่ากินอาหารอร่อย ๆ แล้วก็กลับเข้าโตเกียว เพื่อเข้าไปเที่ยวย่านชินจูกุ ฮาราจูกุ ยามค่ำ แต่หากเหนื่อยก็กลับเข้าโรงแรมเลย (คืนที่สาม)
วันต่อมา ไปเที่ยวชมรอบๆ พระราชวังอิมพีเรียล ไปเที่ยวย่านกินซา ย่านอากิฮาบารา ย่านชิบูยา ย่านรปปงหงิและแวะไปดูวังและวัดที่อากาซากะ แล้วก็ต้องไม่พลาดการชมสวนเมจิ ซึ่งเป็นสวนที่ร่มรื่นกลางกรุงโตเกียว ซึ่งนี่ก็หมดไปแล้วสี่คืน หากจะอยู่ต่ออีกหนึ่งคืนก็ได้ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปเที่ยวตลาดปลาซึกิจิ เที่ยวชมเกาะโอไดบะ (เกาะที่มนุษย์สร้างขึ้น) จากนั้นก็กลับเข้าใจกลางโตเกียว แล้วเปิดโอกาสให้คุณๆ ได้ซื้อข้าวซื้อของตามสบาย จนถึงเวลากลางค่ำกลางคืน (คืนที่ห้า) ซึ่งถ้าหากยังซื้อไม่จบไม่สิ้นก็สามารถต่อได้อีกครึ่งวันในวันรุ่งขึ้น จากนั้นพอถึงเวลาบ่ายโมงตรง เราก็ขึ้นรถไฟไปสนามบินนาริตะ เพื่อรอขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ
ถ้าหากคุณสนใจจะร่วมทริปเล็กๆ ไปกับ Mr. Flowerโปรดติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 091-7233615 ด่วนครับผม
ศาสนสถานในกรุงโตเกียว
วัดชินโต อากาซากะ กรุงโตเกียว
สีสันของโตเกียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี