คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) จัด “มหกรรมศิลปะ ดนตรีและการแสดง ครั้งที่ 8 (The 8th SWU International Festival of Arts and Culture 2018) หรือ มหกรรมการแสดงเครือข่ายวัฒนธรรมข้ามชาติ” มลังเมลืองและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผ่านชุดการแสดงที่หลากหลายจากนานาประเทศกว่า 40 ชุดการแสดง จุดประกายพร้อมสานฝันให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนักแสดงที่มีทักษะด้านการแสดงไม่ว่าจะเป็น ร้อง เล่นเต้นระบำ อย่างมืออาชีพในอนาคต
รศ.ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า มหกรรมการแสดงเครือข่ายวัฒนธรรมข้ามชาติ ที่จัดขึ้นครั้งนี้เกิดจากความคิดที่ว่าเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่เพียงพอ เทคโนโลยีต้องผสมผสานกับศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ซึ่งจะช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ทำให้หัวใจของเราอิ่มเอมมีความสุขได้ เพราะฉะนั้นการเรียนด้านศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หากต้องการผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ผู้เรียนซึ่งเป็นเด็กยุคไอทีก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการเรียนการสอนที่มีการบูรณาการศาสตร์ต่างๆ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพราะเทคโนโลยีจะสอนได้ว่าเราจะสร้างสิ่งต่างๆ “อย่างไร” ขณะที่โลกของศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ กลับบอกเราว่า ต้องสร้าง “อะไร” และสร้าง “ทำไม” สิ่งนี้เกิดจากการเรียนรู้และทำความเข้าใจมนุษย์ผ่าน ภาษา ประวัติศาสตร์ ปรัชญา สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ ซึ่งได้รับการนำมาสื่อสาร สร้างสรรค์ แปลแปลงเป็นกระบวนท่าการร่ายรำต่างๆ ทั้งแบบดั้งเดิมและสากล กว่า 40 ชุดการแสดง จากเครือข่ายจากสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย 14 สถาบันและจากต่างประเทศอีก 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ฟิจิ ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสาธารณรัฐเช็ก
“แม้สังคมโลกเราจะก้าวมาสู่ยุคดิจิทัลและความเจริญด้านเทคโนโลยีก็มีอิทธิพลต่อชีวิตเราแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะรูปแบบการเรียนการสอน ที่ต้องมีการบูรณาการศาสตร์หลายศาสตร์เข้าด้วยกัน เพื่อเชื่อมโลกจากที่ต่างๆ ให้เป็นสากล ไม่อย่างนั้นนิสิตที่เรียนศิลปกรรมศาสตร์ก็จะไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่ตื่นตัว ซึ่งนิสิตเองก็จะได้ดูว่าชุดการแสดงมากมายหลายสิบชุดจากประเทศต่างๆ แตกต่างกันทางด้านวัฒนธรรมเชื้อชาตินั้น เราสร้างอะไรขึ้นมาและสร้างมาทำไม”
ด้าน ผช.ดร.ระวิวรรณ วรรณวิไชย คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว และยังเป็นศิษย์เก่านาฏศิลป์ มศว กล่าวอย่างภูมิใจว่าการเรียนศิลปะการแสดง ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ถือว่ามีคุณค่าต่อมนุษย์ สังคมและชาตินั้นๆ ศิลปะ วัฒนธรรม การแสดง คือสิ่งแสดงเอกลักษณ์ อัตลักษณ์และรากเหง้า อีกด้านหนึ่งศิลปวัฒนธรรมช่วยพัฒนาสติปัญญา พัฒนาอารมณ์จิตใจ พัฒนาร่างกายและการปรับตัวทางสังคมทำให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
“ดั่งพระราชนิพนธ์แปลของรัชกาลที่ 6 จากเรื่องเวนิสวาณิชของเช็กสเปียร์ ว่า “ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนักอีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดกบฏอัปลักษณ์” ดังนั้นศิลปวัฒนธรรมจึงเป็น Soft Power ที่มีพลังมหาศาลและในยุคที่เรากำลังพูดถึงนโยบายประชารัฐ ไทยแลนด์ 4.0 ศิลปวัฒนธรรมก็เป็นมิติหนึ่งที่เราจำเป็นต้องฟื้นฟูดูแลรากแก้วนี้ของไทยเราให้แข็งแกร่ง เพื่อเป็นเสาหลักด้านศิลปวัฒนธรรมในยุคไทยแลนด์ 4.0
ส่วนที่ว่าเราควรจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมสอดคล้องกับความเปลี่ยนไปในโลกสังคมปัจจุบันอย่างไรนั้น ก็คิดว่าการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมทั้งนาฏศิลป์ไทย ดนตรีไทย จิตรกรรมไทย หรืองานภูมิปัญญาไทยต่างๆ มิใช่เพียงการเรียนรู้เพื่ออนุรักษ์เพียงเท่านั้น หากแต่เป็นการเรียนรู้เพื่อจะก้าวไปสู่การเพิ่มมูลค่า การผลักดันความเป็นไทยสู่สากลและเป็นการขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรม”
ขณะเดียวกัน 2 นักแสดงสาวจากสหรัฐอเมริกา NancyVillarreal และ Aida Landeros จาก Ollin Lxtli Dance Company ได้โชว์ท่าเต้นสไตล์ชนเผ่าอย่างสนุกสนาน พร้อมกับเสียงกรุ๋งกริ๋งจากเครื่องประดับที่ข้อเท้า บอกว่า “ศิลปะและดนตรีเป็นสิ่งบำบัดร่างกายและจิตใจต่อผู้แสดงและผู้ชม เพราะคือความสุขแม้จะไม่รู้ความหมายของการแสดงจากประเทศต่างๆ แต่การดูแสดงหรือดูงานศิลปะนั้น เราไม่จำเป็นต้องตีความ ได้รับรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ก็ถือว่าการแสดงนั้นประสบความสำเร็จแล้วเพราะผู้ชมหัวเราะ ยิ้มมีความสุข นี่คือเหตุผลว่าเราเต้นเราเล่นระบำกันเพื่ออะไร สิ่งนี้คืองานศิลปะที่มีคุณค่าต่อมนุษย์ทุกเชื้อชาติแบบไม่มีเงื่อนไขไร้ขีดจำกัด”
การเรียนวิชาการนาฏศิลป์ในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่จะสอนให้เด็กเต้นเป็น รำเป็น แต่ยังต้องอาศัยการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลาย การแสดงสดๆ บนเวทีแม้เพียงครั้งเดียวก็อาจจุดประกายไฟฝันให้เกิดนักแสดงหน้าใหม่ขึ้นได้ในอนาคตก็เป็นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี