หอกังสดาลวัดพระธาตุหริภุญชัย
ช่วงนี้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับหอระฆัง ๒ เรื่อง คือกรณีหอระฆังทรุดและการร้องเรียนให้วัดลดเสียงตีระฆังลงจนสร้างกระแสสังคมให้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางอาทิตย์นี้ขอตามรอย “ระฆัง” ที่มีบทบาทในการพระศาสนา จากการสำรวจทางโบราณคดีนั้นพบว่ามนุษย์รู้จักใช้หินเคาะแผ่นหินให้เกิดเสียงขึ้นแล้วเรียกว่า “กังสดาลหิน” ก่อนที่จะรู้จักทำแผ่นโลหะเคาะให้มีเสียงดังกังวานซึ่งน่าจะเป็นรูปแบบกังสดาลที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการสร้างเป็นรูประฆัง
วัดสังกัส-ระฆังใหญ่
ในสมัยพระพุทธกาลมีเรื่องเล่าว่าผู้สร้างระฆังเป็นคนแรก คือ นางวิสาขา ซึ่งเป็นอริยบุคคล ผู้สำเร็จธรรมเป็นพระโสดาบันตั้งแต่ยังสาว นางเกิดในตระกูลเศรษฐี เมืองภัททิยะ แคว้นอังคะ เป็นบุตรีของธนญชัยเศรษฐี และสุมนาเทวี มีปู่ชื่อเมณฑกเศรษฐี ต่อมาคนในตระกูลเศรษฐีนี้ได้ย้ายไปอยู่เมืองสาวัตถีของพระเจ้าปเสนทิโกศล และนางได้แต่งงานกับปุณณวัฒนกุมาร บุตรของมิคารเศรษฐี ด้วยความถึงพร้อมแห่งเบญจกัลยาณีของนางนั้นทำให้นางศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตามประวัตินั้้นว่า วันหนึ่งนางวิสาขาเมื่อมาถึงวัด นางได้ถอดเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์มอบให้สาวใช้ผู้ติดตามดูแล ด้วยเห็นว่าการใส่เครื่องประดับมากมายเข้าไปในศาลาฟังธรรมนั้นเป็นการไม่สมควรยิ่ง
ระฆังในพิพิธภัณฑ์ฯ
หลังจากนางฟังธรรมแล้วนางเดินกลับคฤหาสน์ สาวใช้เกิดลืมเครื่องประดับไว้ที่ข้างหน้าศาลาฟังธรรม ซึ่งพระอานนท์เห็นเข้าจึงเก็บรักษาไว้เสียข้างใน นางวิสาขาได้บอกสาวใช้ไปนำเครื่องประดับกลับมา โดยกำชับว่า หากพบว่าเครื่องประดับยังคงวางอยู่ที่เดิม ก็จงนำกลับมาแต่ถ้าพระคุณเจ้าเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิมแล้วก็ถือว่าได้ถวายพระสงฆ์แล้วไม่ต้องขอกลับมา สุดท้ายสาวใช้ไม่ได้นำเครื่องประดับดังกล่าวกลับ นางวิสาขาเห็นว่าหากพระสงฆ์เก็บรักษาเครื่องประดับของสตรีเอาไว้ก็ไม่เป็นประโยชน์ จึงได้ช่วยประกาศขายเครื่องประดับนั้นโดยมีราคถึง ๙ โกฏิ กับ ๑ แสนกหาปณะ แต่ก็ไม่มีใครสามารถซื้อได้ สุดท้ายนางจึงขอซื้อไว้เอง แล้วนำเงินจำนวนนั้นมาสร้างวัดพระวิหารบุพผาราม ให้เป็นที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์ คราวนั้นนางได้สร้างระฆังแขวนไว้รอบชายคาพระวิหารและปราสาท เวลามีลมพัดกระดิ่งกระทบกับระฆังเสียงดังกังวานสดใสดุจเสียงแห่งบุญกุศลที่ส่งเสียงไปถึงประตูสวรรค์
หอระฆังไม้วัดศรีบุญเรือง
หลังพุทธกาลผ่านมาแล้ว ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ เมื่อพระศาสนาเผยแพร่ไปดินแดนต่างๆ จึงนำเอาการสร้างระฆังแขวนขึ้นตามวัดวาอารามต่างๆ ในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งพากันนิยมสร้างระฆังสืบมาจนถึงปัจจุบัน จนมีการสร้างรูประฆังและหอระฆังขึ้นในวัดทุกแห่งสำหรับเป็นอาคารแขวนระฆังเพื่อใช้ตีบอกสัญญาณเวลาแก่พระสงฆ์ในการลงทำวัตรและประกอบสมณกิจ หอระฆังนั้นมีการสร้างด้วยไม้ อาคารก่ออิฐถือปูน และคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำเป็นอาคารสวยงามในแบบสี่เหลี่ยมหกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม และทรงกลมตามสถาปัตยกรรมนิยมแต่ละสมัย โดยมีการสร้างทรงหลังคาแบบต่างๆ เช่น หลังคาหน้าจั่วธรรมดา (ทรงคฤห์)-มณฑป-อาคารจัตุรมุข-อาคารบุษบก-อาคารยอดมงกุฎ-ยอดพระเกี้ยว-ยอดเจดีย์-ยอดปรางค์-อาคารทรงปราสาท หรืออาคารสถาปัตยกรรมตะวันตก หรือจีน ให้เป็นสื่อความหมายและแสดงสัญลักษณ์ทางพุทธปรัชญาให้รู้ว่าเป็นหอระฆังแห่งการตื่นรู้และเข้าถึงสัจธรรม ที่ให้ความรู้สึกแห่งสันติสุขในพระศาสนา
ระฆังพ่อขุนรามคำแหง
สำหรับหอระฆังที่งดงามที่สุดนั้นคือหอระฆังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว สร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๑สืบเนื่องจากมีการขุดพบระฆังลูกหนึ่งที่วัดบางหว้าใหญ่ ซึ่งมีเสียงไพเราะมาก รัชกาลที่ ๑ จึงขอมาใช้ที่หอระฆังในวัดพระแก้วและโปรดให้สร้างหอระฆัง พร้อมสร้างระฆังอีก ๕ ลูก แทนที่วัดบางหว้าใหญ่ ทำให้วัดนี้มีชื่อว่าวัดระฆัง มาจนทุกวันนี้ แม้รัชกาลที่ ๔ จะตั้งว่าวัดราชคัณฑิยาราม ก็ไม่นิยมเท่า
ระฆังสำริดสมัยสุโขทัย
ต่อมาหอระฆังในวัดพระแก้วนี้ รัชกาลที่ ๔ ได้ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ให้มีลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมไทยย่อมุมไม้สิบสอง คือตรงมุมทั้งสี่นั้นย่อเป็นมุมสามมุม ประดับด้วยเครื่องถ้วยชามแบบจีน เป็นลวดลายต่างๆ วิจิตรพิสดาร หอระฆังที่ปรากฏในพระอารามหลวงนั้นมีรูปแบบงดงามด้วยศิลปกรรมหลายแบบ เช่น หอระฆังของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังคาทรงบุษบก หอระฆังของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หลังคาจตุรมุขยอดทรงเจดีย์ย่อไม้สิบสอง หอระฆังของวัดสำโรงเป็นอาคารไม้ หลังคาทรงคฤห์ จั่วประดับช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ เป็นต้น หอระฆังจึงเป็นสัญลักษณ์การตื่นรู้ในพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ
หอระฆังวัดพระเชตุพนฯ
หอระฆังของวัดพระแก้ว
กังสดาล
กังสดาลหิน
ระฆังจีนในพิพิธภัณฑ์วังจันทรเกษม
หอระฆังวัดระฆังโฆสิตาราม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี