ไพโรจน์ สืบสามครูช่างศิลปหัตถกรรม
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT เชิดชูช่างฝีมือ และช่างฝีมือขั้นสูงที่มีผลงานยอดเยี่ยมด้านศิลปหัตถกรรมประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” และ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ประจำปี 2562
ทั้งนี้เพื่อที่จะอนุรักษ์ รักษาคุณค่าภูมิปัญญา ทักษะฝีมือและองค์ความรู้เชิงช่างที่อยู่ในตัวบุคคล ที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติอันมีค่าที่สุดเหล่านี้ ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และส่งต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน คนรุ่นหลังได้เห็นคุณค่า เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการช่วยกันอนุรักษ์ รักษา สืบสานต่อ ในขณะเดียวกันก็ยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาต่อยอดผสมผสานด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม และแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ พัฒนาสู่ความร่วมสมัยและสมัยนิยม อันจะนำไปสู่การสร้างโอกาสทางการตลาดในเชิงพาณิชย์ต่อไปได้ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT จึงได้มีการดำเนินกิจกรรมคัดสรรและเชิดชูเกียรติบุคคลที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ใน 3 สถานะ ประกอบด้วย ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
พิชิต นะงอลา ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม
หนึ่งในผู้ที่ได้รับการเชิดชูเกียรติ เป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน ประเภทเครื่องทอ (ผ้าซิ่นตีนจก ไทยวน-คูบัว จังหวัดราชบุรี) “ผ้าซิ่นตีนจก” ได้แก่ คุณยายทองอยู่ กำลังหาญ” อายุ 88 ปี คลุกคลีในงานศิลปหัตถกรรมผ้าซิ่นมายาวนานถึง 68 ปีเป็นบุคคลที่คร่ำหวอดในวงการศิลปหัตถกรรม ที่มีเทคนิคเชิงช่างชั้นสูง ตกทอดมาจากภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น คุณยาย ทองอยู่ เล่าว่า เมื่ออายุ 14 ปี ก็เริ่มเรียนรู้การทอผ้าจากคุณแม่ (คุณยายซ้อน กำลังหาญ ) เพื่อใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน กระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่เป็นความทรงจำอันล้ำค่าในวัยเด็กได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตามคุณแม่ไปงานทอดกฐิน คุณแม่ได้ทอผ้าคลุมหัวนาค ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งแม่ได้นุ่งซิ่นตีนจกที่ทอเองกับมือเพื่อไปเฝ้าฯรับเสด็จ ครั้นเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงทรงถามคุณแม่คุณยายว่า “ผ้าอะไรหรือจ๊ะที่นุ่ง ลายแปลกดีนะ ผ้าอย่างนี้ทำได้อีกหรือเปล่า” ทั้งคุณแม่และคุณยายดีใจสุดๆ จากการทอผ้าเล็กๆ ก็เริ่มมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเยี่ยม สั่งทำ ส่วนตัวเองตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มเรียนรู้วิธีการทำ “ผ้าซิ่นตีนจก” โดยแม่ เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ รวมทั้งเทคนิคจกขนเม่น คุณยายยังคงสืบสานงานทอผ้าซิ่นตีนจก โดยยึดถือวิธีทำแบบโบราณดั้งเดิมที่มีมากว่าร้อยปีไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งการใช้ฟืมไม้ ลวดลายและสีสัน รวมไปถึงการจกขนเม่นที่ปัจจุบันหาช่างจกยากแล้ว สืบสานและอนุรักษ์วิธีแบบดั้งเดิมโบราณให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนเผยแพร่เทคนิคแบบจกขนเม่น เปิดบ้านเป็นแหล่งเรียนรู้สืบสานและอนุรักษ์ ซึ่งลวดลายแม่แบบที่เป็นเอกลักษณ์ของผ้าจกคูบัวมี 8 ลายคือ “ลายดอกเซียซ้อนเซียลายเซียซ้อนหัก ลายหักซ้อนหัก ลายหน้าหมอน ลายโก้งเก้งลายเกี้ยว ลายซ้อนกาบ และลายหักดำ”
คุณยายทองอยู่ กำลังหาญ ครูศิลป์ของแผ่นดิน
สำหรับการได้รับเกียรติยกย่องเชิดชูเป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน คุณยายบอกว่า ก็รู้สึกดีใจ อย่างน้อยๆ สิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะเป็นวิถีและวิธีการดั้งเดิมโบราณ แต่ก็สามารถทำให้คนอื่นๆชอบได้ มันคือความภูมิใจของเรา ส่วนความรู้ในการทำผ้าซิ่นตีนจกถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดที่ได้รับไว้จากบรรพบุรุษ ยายจึงพยายามดำรงรักษามรดกภูมิปัญญานี้ไว้ไม่ให้สูญหาย ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ”
ในส่วน “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” เป็นกลุ่มระดับครูช่าง แต่ประสบการณ์น้อยกว่าครูศิลป์ของแผ่นดิน ซึ่งครูช่างที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องแสดงทักษะฝีมือช่างชั้นสูง มีการทำงานศิลปหัตถกรรมมาอย่างต่อเนื่อง และต้องมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นด้วยเช่นกัน “ไพโรจน์ สืบสาม” อายุ 40 ปี หนึ่งในครูช่างผู้มีทักษะมีฝีมือทำงานมาถึง 25 ปี จนปีนี้ได้รับการเชิดชูเกียรติ เป็น “ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2562” ประเภทเครื่องประดับทองโบราณ (บางใหญ่ นนทบุรี) ถือเป็นงานหัตถศิลป์ชั้นสูง ที่จะหาช่างผู้มีฝีมือ สร้างสรรค์งานได้ถูกต้องตามหลักการดั้งเดิมยากแล้วในปัจจุบัน
ไพโรจน์ บอกว่า ได้เริ่มต้นเรียนจิตรกรรมไทย ที่วิทยาลัยในวัง (ชาย) และได้เรียนต่อโรงเรียนเพาะช่าง ด้านการทำเครื่องประดับไทย ซึ่งหลังจากเรียนจบได้มีโอกาสเข้าไปทำงานให้กับอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดิน ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานทองโบราณ เริ่มต้นจากงานซ่อมแซมของเก่า วัตถุโบราณ และพัฒนามาเป็นการทำเครื่องประดับทอง โดยทำงานกับอาจารย์วีรธรรมมาเป็นเวลากว่า 20 ปี จึงได้ตัดสินใจออกมาสร้างสรรค์งานด้วยตนเอง มีโอกาสเป็นส่วนร่วมของช่างประณีตศิลป์ไทย จัดทำชุดเครื่องประดับทองโบราณให้กับโขนละคร อย่างชุดเครื่องประดับของทศกัณฑ์ในโขนพระราชทานเรื่องรามเกียรติ์ตอนนางลอย และชุดขุนศึกอินทรชิต ตอนพรหมมาศ ถือเป็นงานที่ได้แสดงฝีมือและความเชี่ยวชาญ
ในการทำเครื่องประดับทองโบราณ
นอกจากนี้ เขาเผยความรู้สึกว่า “ตนรู้สึกดีใจที่มีคนเห็นความตั้งใจ เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำเพราะมันไม่ใช่แค่เรา แต่ยังรวมถึงการสร้างชื่อเสียงให้ชุมชนของตนเองได้เป็นที่รู้จักรวมถึงองค์ความรู้ต่างๆ ที่เรามีมันไม่ควรจางหาย สามารถต่อลมหายใจได้ มีความภาคภูมิใจที่ได้เห็นลูกศิษย์ของเรามีความสนใจในงานจนนำมาประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว ได้เห็นการพัฒนาของเขาที่ก้าวหน้าขึ้นไปทำให้รู้สึกภูมิใจและถือเป็นความสำเร็จของเราด้วยและสิ่งสำคัญสุดตนได้เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์งานต่อไป”
และที่สุดผลงาน “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” เริ่มจากการเป็นลูกหลาน หรือลูกศิษย์ของครู ได้รับการถ่ายทอดในงานศิลปหัตถกรรมแขนงนั้นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มพิเศษที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคต ด้วยการนำผลงานทำให้เป็นที่รู้จักยอมรับในสังคม โดยตัวแทนหนึ่งในกลุ่มทายาทฯ “พิชิต นะงอลา” อายุ 31 ปี กล่าวว่า ตนใช้ระยะเวลาการทำงานมาถึง 14 ปีจนกระทั่งได้รับการเชิดชูเป็น “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรมประจำปี 2562” ประเภทเครื่องโลหะ (งานดุนโลหะ)
พิชิต กล่าวอีกว่า “แรงบันดาลใจเริ่มแรก คือ ผมชอบงานศิลปะเรียนจบด้านศิลปะมา เมื่ออายุได้ 17 ปี มีโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้งานดุนโลหะกับครูดิเรกที่บ้านวัวลายศรีสุพรรณ เพราะต้องการนำมาประกอบอาชีพ เมื่อฝึกฝนได้ 1 ปี เกิดชื่นชอบงานดุนโลหะและคิดว่างานนี้สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้หลายทาง จึงตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ภาควิชาศิลปะไทย เพื่อนำความรู้มาต่อยอดงานดุนโลหะที่ฝึกฝนมา อันเป็นศิลปะของไทย เพื่อให้งานประเภทนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น งานหัตถกรรม “ดุนโลหะ” เป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มีคุณค่ามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมซึ่งที่มีมานานกว่าร้อยปี ก็ตั้งใจเรียนรู้ และสืบสานวัฒนธรรมงานแขนงนี้มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 14 ปี และยังจะพัฒนาผลงานต่อไปเพื่อให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาให้ความสนใจงานปักสะดึงกรึงไหมของไทยมากขึ้น”
“ผลงานแต่ละชิ้น จึงมีความละเอียด งดงาม จนผลงานกลายเป็นที่ขึ้นชื่อของชุมชน และเป็นของดีประจำจังหวัดเชียงใหม่ จนถึงทุกวันนี้ ในแต่ละปีก็มีออเดอร์ส่งออกไปต่างประเทศบ้าง
เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ปัจจุบันผมได้ใช้บ้านเป็นที่ฝึกสอนเด็กๆ มีลูกศิษย์ร่วม 10 กว่าคน อนาคตก็วางแผนจะเปิดศูนย์การเรียนรู้ซึ่งได้ไปดูพื้นที่มาประมาณ 7 ไร่ เอาไว้เป็นแหล่งเรียนรู้ รวบรวมกลุ่มคนที่ทำงานประเภทเดียวกัน จะได้ช่วยกันพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่เราทำ คิดว่างานศิลปะงานหัตถกรรมมันมีเทรนด์ตามยุคตามสมัย ตัวเราเองก็ต้องฝึกฝน พัฒนาและเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ให้ทันสมัย สิ่งสำคัญสามารถสั่งสอนให้คนรุ่นหลังสืบสานต่อลมหายใจงานหัตถกรรมไทยต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี