พระพุทธชินราช ศิลปะสุโขทัย
การเรียนรู้จากแหล่งความรู้นั้นมีความสำคัญต่อการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยเหตุที่เรียนรู้มีบทบาทในสังคมน้อยกว่าการท่องเที่ยวที่เป็นธุรกิจการเที่ยว กิน ซื้อของ ถ่ายภาพ จึงทำให้ขาดความใส่ใจในสาระข้อมูลที่ต่อยอดปัญญาทั้งๆ ที่ทุกแห่งล้วนมีสาระข้อมูลน่าสนใจมากมาย โชคดีที่กรมศิลปากรมีโครงการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ เป็นประจำทุกปี จึงเห็นรูปแบบการเรียนรู้ที่มีอรรถสาระมากกว่าหน่วยงานผู้รับผิดชอบการศึกษาจะบากหน้าทำ อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปโครงการนี้กับวิทยากรคนสำคัญ คือ คุณเด่นดาวศิลปานนท์, คุณวงศ์ฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา และคุณนาตยา ภูศรี ซึ่งเป็นผู้รู้และเกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญคือ เมืองพิษณุโลก เดิมเรียกเมืองสรวงสองแคว เป็นเมืองที่น่าสนใจมากกว่าไปไหว้พระพุทธชินราช หรือชมพระราชวังจันทน์ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากสถานที่จริงจึงคลี่คลายข้อเท็จจริงตามหลักฐานด้วยกัน เพราะตลอดเวลานั้นข้อมูลต่างๆ ได้หลั่งไหลจากผู้รู้ที่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างน่าสนใจใคร่รู้จนทำให้อยากรู้อะไรๆ มากขึ้น
คณะวิทยากร เด่นดาว และ วงศ์ฉัตร
สำหรับเมืองพิษณุโลกแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมีชื่อเรียกชื่อเมืองต่างกันจากหลักฐานในศิลาจารึก ตำนาน นิทาน และพงศาวดารนั้นมีการเรียกชื่อเมืองคือ สองแคว, สรวงสองแคว, ทวิสาขะ, ไทยวนที พระพิษณุโลก เป็นต้น เดิมเมืองพิษณุโลกนี้เป็นเมืองเก่าเกิดขึ้นสมัยขอมมีอำนาจที่ตั้งเมืองเก่าลงไปทางทิศใต้ประมาณ ๕ กิโลเมตร เรียกว่า “เมืองสองแคว” ด้วยเหตุตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำน่านกับแม่น้ำแควน้อยซึ่งปัจจุบันแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนทางเดินไปแล้ว เมืองเก่านี้ คือ บริเวณวัดจุฬามณี หากสำรวจโดยรอบก็คงได้พบอะไรมาเติมข้อมูลกัน ในสมัยราชวงศ์ศรีนาวนำถม โดยพ่อขุนศรีนาวนำถม เสวยราชเมืองเชลียง ตั้งแต่ราว พ.ศ.๑๗๖๒ ได้มีอำนาจปกครองมาถึงบริเวณนี้ พระองค์ทรงให้โอรสทั้งสองพระองค์ คือ พ่อขุนผาเมืองครองเมืองราด และพระยาคำแหงพระราม ครองเมืองสรวงสองแคว (พิษณุโลก) เมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถมสิ้นพระชนม์ ขอมสบาดโขลญลำพงได้เข้ายึดเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยไว้ได้ พ่อขุนผาเมืองและพระสหาย คือพ่อขุนบางกลางหาว ได้ร่วมกันปราบปรามจนได้ชัยชนะ พ่อขุนผาเมืองจึงยกเมืองสุโขทัยให้ขุนบางกลางหาวตั้งราชวงศ์พระร่วงครองเมืองสุโขทัยและได้เฉลิมพระนามเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์แทน
เจดีย์วัดยอดทอง
ต่อมาพ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ยึดเมืองสองแคว ซึ่งเดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นสุโขทัย จนพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท) ได้เสด็จมาประทับที่เมืองสองแควที่ย้ายจากที่เดิมมาตั้งใหม่ พระองค์ได้ทำนุบำรุงเมืองให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ จึงสร้างเหมือง ฝาย ขยายพื้นที่ทำนาเพาะปลูก สร้างทางถนนจากเมืองสองแควไปแคว้นสุโขทัย โดยเฉพาะได้สร้าง พระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี พระศรีศาสดา เพื่อประดิษฐานไว้ในพระวิหารพระศรีรัตนมหาธาตุ แต่ยังเรียกว่าเมืองสองแควตามเดิม หลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเป็นศูนย์กลางที่มีการติดต่อทางลุ่มน้ำน่าน และโบราณสถานทั้งสมัยสุโขทัย-อยุธยา เช่น วัดเจดีย์ยอดทอง วัดใหญ่ หรือวัดศรีรัตนมหาธาตุวัดราชบูรณะ และแนวกำแพงเมืองอยู่ หลังสมัยพระเจ้าศรีสุริยวงศ์บรมปาลแล้วไม่พบว่าเมืองนี้มีบทบาทอะไร นอกจากช่วงพ.ศ.๑๙๘๑-๑๙๙๔ ผู้คนเอาใจออกห่างพาราษฎรไปร่วมกับพระเจ้าเชียงใหม่จนทางกรุงศรีอยุธยาต้องส่งทัพมาปราบและให้เจ้านายขึ้นมาปกครองเมืองพิษณุโลก แล้วผนวกเมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา จนสมัยถึงพระบรมไตรโลกนาถ ตั้งแต่พ.ศ.๒๐๐๖-๒๐๓๑รวม ๒๕ ปี เมืองพิษณุโลกได้กลับเจริญรุ่งเรืองด้วยมีความสำคัญยิ่งทางด้านการเมือง การปกครองที่สร้างระบบจตุสดมภ์ขึ้น เศรษฐกิจ ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม เสมือนเป็นราชธานีทีเดียว ดังปรากฏว่าสมัยพระนเรศวรมหาราช ครั้งเป็นพระมหาอุปราชณ เมืองพิษณุโลก ระหว่าง พ.ศ.๒๑๑๒-๒๑๓๓ พระองค์ทรงปลุกสำนึกให้เกิดทหารหนุ่มเป็นกำลังรบที่ต่อสู้เพื่อชาติ ทรงสถาปนาพิษณุโลกเป็นเมืองเอก เป็นการประสานต่อความเจริญรุ่งเรืองจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้เมืองพิษณุโลกมีศูนย์การเรียนรู้พระราชวังจันทน์ สรุปเรื่องราวให้เข้าใจก่อนจะตระเวนชมและเรียนรู้จากบริเวณพระราชวังจันทน์ทั้งหมด ที่ขาดไม่ได้คือ วัดเจดีย์ยอดทอง วัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดจุฬามณี เพื่อเรียนรู้สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมร่วมสมัยที่ยังเหลือให้ภาคภูมิใจไม่จบสิ้น ก่อนไปหาก๋วยเตี๋ยวห้อยขาอร่อยๆ กินกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี