พรพิมล ใจงาม, ศ.นพ.วิรัติ พาณิชยพงศ์, ศาสตราภิชาน นพ.พินิจ กุลละวณิชย์, สวนิต คงสิริ, นพ.วิศิษฎ์ ฐิตวัฒน์, ดร.ประสาน ภิรัช บุรี, นพ.ชลิต เชียรวิชัย และ พล.ท.นพ.อำนาจ บาลี พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่สนับสนุนกิจกรรมของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ

ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จัดงาน “วันศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ประจำปี 2562” พร้อมจัดพิธีบำเพ็ญกุศลแก่ผู้เสียชีวิตที่บริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โดยได้รับเกียรติจาก นายสวนิต คงสิริ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ สภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2562 ณ ห้องประชุมชั้นล่าง อาคารแพทยพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในงานมีผู้บริหารสภากาชาดไทยและผู้บริหารหน่วยงานภายในสภากาชาดไทยเข้าร่วมงานศาสตราภิชาน นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย, พล.ท.นพ.อำนาจ บาลีผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์, นพ.วิรัติ พาณิชยพงศ์ กรรมการแพทยสภา โดยมีผู้บริหารศูนย์รับบริจาคอวัยวะให้การต้อนรับ นำโดย นพ.วิศิษฎ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ, นายแพทย์ชลิต เชียรวิชัย ที่ปรึกษาคลังเนื้อเยื่อ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ, ดร.ประสาน ภิรัช บุรี และ พรพิมล ใจงาม กรรมการส่งเสริมกิจการศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ พร้อมด้วยญาติผู้บริจาคอวัยวะและผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลแก่ผู้เสียชีวิตที่บริจาคอวัยวะ

นอกจากนี้ ยังมีการมอบโล่ขอบคุณหน่วยงานที่สนับสนุนกิจกรรมของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ประกอบด้วย เหล่ากาชาดจังหวัดสุพรรณบุรี, โรงพยาบาลศรีนครินทร์,โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยสไมล์แอร์เวย์ จำกัด, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน),นายณรงค์ โชคชัยณรงค์ และ ดร.ประสานภิรัช บุรี รวมถึงการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “เมื่อเป็นจิตอาสา พาสร้างกุศลผู้ให้ สร้างชีวิตใหม่ผู้รับ” โดย นพ.วาริน วงษ์สถาปนาเลิศ ผู้ก่อตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

นพ.วิศิษฎ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย กล่าวว่า การได้มาซึ่งอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่ายทดแทนให้แก่ผู้ป่วยนั้น เป็นภารกิจที่สำคัญของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ แม้ปัจจุบันจะมีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะมากขึ้นทุกปี แต่สัดส่วนของผู้บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตายกับผู้ป่วยที่ลงทะเบียนรอรับอวัยวะยังมีความแตกต่างกันมาก ซึ่งขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยที่ลงทะเบียนรอรับการบริจาคไว้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะมากถึง 6,401 ราย แต่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเพียง 585 ราย โดยมีผู้ป่วยโรคไตมากที่สุดกว่า 6,000 ราย จึงทำให้เกิดภาวการณ์ขาดแคลนอวัยวะในประเทศไทย

“ศูนย์รับบริจาคอวัยวะทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ในการพัฒนาระบบการบริจาคอวัยวะจากผู้เสียชีวิตสมองตาย ให้กับหน่วยงาน บุคลากรทางการแพทย์ที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องในรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและเพื่อยกระดับการบริจาคอวัยวะให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล ในส่วนของประชาชนศูนย์ก็ยังได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจในความจำเป็นของการบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์อย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางที่ทำได้ โดยมุ่งหวังว่าจะให้ประชาชนในประเทศไทยมีสุขภาพที่ดีกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุข”

นางสาวปุณฑริกา ไชยธวัชพงษ์ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ที่ได้มาร่วมงานเผยความรู้สึกว่า ตนเองป่วยเป็นโรคไตวาย สาเหตุจากภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านไตตัวเอง ตั้งแต่อายุ 25 ปี ต้องเข้ารับการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียมตั้งแต่ปี 2553 เป็นช่วงชีวิตที่ทรมานที่สุด เพราะไม่สามารถกิน เดิน หรือนอนได้เหมือนคนอื่นรวมถึงอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เรียกว่ามีชีวิตอยู่แบบวันต่อวัน แม้คุณหมอจะบอกว่าการปลูกถ่ายไต คือหนทางที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในทันที เนื่องจากไม่มีคนในครอบครัวที่สามารถบริจาคไตให้ได้ จึงต้องนอนรอคอยความหวัง นานถึง 5 ปี กว่าจะได้รับบริจาคไตที่มีเนื้อเยื่อเข้ากันได้ และได้รับการปลูกถ่ายไตในที่สุดถึงวันนี้ 4 ปีแล้วที่ระลึกเสมอว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ได้กลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป ต้องขอบคุณคุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริจาคอวัยวะทุกๆ ท่าน ที่ได้ทำมหาบุญกุศลด้วยการให้ชีวิตใหม่กับเพื่อนมนุษย์

นางณัฐกนก รัตนวิชัย คุณแม่ของนายวรชาติ ขันตระกูล ผู้บริจาคอวัยวะกล่าวว่า ตนเองต้องสูญเสียลูกชายอย่างไม่ทันได้ร่ำลา เพราะลูกมีสุขภาพแข็งแรงมาตลอด จนวันที่เขาขับรถออกจากบ้านไปและมีอาการชัก เมื่อแม่ไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าลูกไม่รู้สึกตัวแล้ว เพราะสมองตาย ในช่วงเวลานั้นความเสียใจมันท่วมท้น เพราะแม่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับการสูญเสียครั้งนี้ และคุณหมอได้พูดถึงการบริจาคอวัยวะว่าผู้ป่วยสมองตายแต่อวัยวะยังทำงานอยู่สามารถไปช่วยคนอื่นๆ ได้แม่เองก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนักจึงได้ปรึกษาน้าสาวของลูกที่เป็นพยาบาล เขาก็เห็นด้วยว่าลูกของแม่จะได้ทำบุญใหญ่ครั้งสุดท้าย แม่คิดว่าลูกก็คงเห็นด้วย เพราะลูกเป็นคนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่แล้ว การเซ็นชื่อยินยอมบริจาคอวัยวะในวันนั้นเป็นลายเซ็นที่แม่เขียนได้ยาก แต่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อลูกไม่มีโอกาสจะอยู่กับแม่อีกต่อไปแล้ว แต่การจากไปของลูกจะสร้างโอกาสให้กับคนอื่นต่อไปได้ และแม่หวังว่าผลบุญที่ลูกได้ทำครั้งนี้จะส่งให้ลูกไปอยู่ในที่ดีๆ และเกิดมาเป็นลูกแม่ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงในชาติหน้าอีกครั้ง

“การบริจาคอวัยวะ” ถือเป็น “ของขวัญเพื่อชีวิต” ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ โดยสามารถขอรับแบบฟอร์มใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย 1666 หรือที่ www.organdonate.in.th