อสูรดินเผามีเครื่องประดับ และ จารึกเก่าสมัยทวารวดี
หลังจากได้ตามรอยอารยธรรมในแถบแม่น้ำสินธุที่ปากีสถานมาแล้ว ได้ทำให้รับรู้ว่าโบราณวัตถุที่นั่นน่าจะมีอิทธิพลเข้ามาถึงดินแดนสุวรรณภูมิในสมัยทวารวดี เพราะพบว่าโบราณวัตถุทั้งสองแห่งนี้เหมือนและใกล้เคียงกัน เวลาเดียวกันนั้นนักโบราณคดีไทย โดยสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้มีโครงการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานวัดพระงาม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เมื่อต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒ ทำให้พบลักษณะโครงสร้างและองค์ประกอบของสิ่งก่อสร้างที่สันนิษฐานในเบื้องต้นว่าเป็นสถูปสมัยทวารวดี สร้างขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมยกเก็จ หรือกระเปาะซ้อนลดหลั่นกัน ๓ ชั้น ขนาดสถูปประมาณ กว้างxยาว ๔๑.๕๐ เมตร เมื่อพิจารณาชุดฐานทั้งสามชั้นแล้วมีลักษณะเปรียบได้กับชุดฐานของพระประโทณเจดีย์ที่ตั้งอยู่กลางเมืองโบราณนครปฐม
จุดที่พบแผ่นจารึกใหม่
ต่อมาสถูปด้านทิศเหนือนั้นได้การสร้างสิ่งก่อสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงต้นรัตนโกสินทร์ ประมาณอายุโบราณสถานหรือสถูปวัดพระงามนี้น่าจะอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ และเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่สมัยทวารวดีที่มีความสำคัญ ต่อมาวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ระหว่างการขุดศึกษาพื้นที่ด้านทิศเหนือของเนินโบราณสถานวัดพระงามนั้น บริเวณพื้นที่ N6E1 ติดกับฐานด้านนอกของแนวอิฐที่ก่อสร้างขนานกับฐานด้านทิศเหนือของสถูป ได้พบศิลาจารึกสมัยทวารวดี จำนวน ๑ หลักลักษณะการพบศิลาจารึกวางตามยาวหงายด้านหน้าที่มีตัวอักษรขึ้นติดชิดกับขอบด้านนอกเกือบตรงตำแหน่งกึ่งกลางของแนวอิฐที่สร้างขนานกับฐานด้านทิศเหนือของสถูป แนวอิฐนี้สันนิษฐานว่าก่อสร้างขึ้นในระยะหลังเพื่อขยายฐานด้านทิศเหนือของสถูปให้กว้างขึ้นศิลาจารึกที่พบมีลักษณะเป็นแท่งรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำด้วยหินสีเทาขนาดกว้าง ๕๐ เซนติเมตร ยาว ๙๖ เซนติเมตร หนา ๑๔.๕๐ เซนติเมตร สภาพเกือบสมบูรณ์ พื้นผิวด้านหน้าบางส่วนแตกหลุดร่อนบริเวณส่วนขอบด้านขวาและขอบด้านล่าง พื้นผิวส่วนที่เหลือยังคงปรากฏรูปรอยอักษรเต็มพื้นผิวด้านซ้ายของจารึก และยังพบส่วนที่แตกหลุดออกมาเป็นส่วนขนาดเล็กอีก ๑๐ ชิ้น ต่อมาวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒ สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้เชิญนักอักษรศาสตร์ทรงคุณวุฒิ (ภาษา เอกสาร และหนังสือ) นางสาวพิมพ์พรรณไพบูลย์หวังเจริญ จากกรมศิลปากร และผู้อำนวยการกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นายเสน่ห์ มหาผลมาตรวจสอบศิลาจารึกดังกล่าว พบว่า ศิลาจารึกมีจารึกเพียงหนึ่งด้าน จำนวน ๖ แถว ซึ่งเป็นอักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒มีข้อความบางส่วนที่สามารถอ่านได้อย่างชัดเจนกล่าวถึงคำว่า ทวารวตีวิภูติ เป็นเบื้องต้น จึงนับว่าเป็นจารึกที่เป็นข้อมูลใหม่ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจที่สุดในจังหวัดนครปฐมในปัจจุบันนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ได้ให้ความสนใจการพบจารึกและโบราณวัตถุต่างๆ ที่วัดพระงามมากจึงได้ทำให้มีการถอดบทเรียนโดยเชิญนักวิชาการเฉพาะเรื่องและนักโบราณคดีผู้ปฏิบัติการมาร่วมให้ความรู้แก่นักโบราณคดีและผู้สนใจ ซึ่งมี ดร.จิรพัฒน์ประพันธ์วิทยา ราชบัณฑิตสาขาตันติภาษา และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยและกรมศิลปากร เช่นอาจารย์ก่องแก้ว วีระประจักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาษาโบราณ, ดร.อมรา ศรีสุชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโบราณคดี, คุณพิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ นักอักษรศาสตร์ผู้ทรงคุณวุฒิ,คุณพยุง วงษ์น้อย ผอ.กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๒ นายสรรินทร์ จรัลนภานักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และอาจารย์จากคณะโบราณคดี ดร.เชษฐ ติงสัฐชลี, ดร.อุเทนวงษ์สถิต, ดร.สฤษดิ์พงศ์ขุนทรง มาร่วมกันถอดบทเรียนให้เป็นข้อมูลใหม่ในทุกมิติจากภาษาโบราณ เพื่อให้เกิดความรู้ร่วมกันในอนาคต ในเบื้องต้นนั้นจารึกอักษรปัลลวะที่พบนี้ปรากฏว่าเป็นจารึกที่รจนาเป็นคำประพันธ์หรือภาษากวี พรรณนาพระพักตร์ที่งามเหมือนดวงจันทร์ กล่าวถึงสัทวิชยะคือชัยชนะที่แท้จริง เรือนกระจกทิมิรังคะ ระบุชื่อเมืองหัสตินาปุระ เมืองทวารวดีหรือทวารกา เมืองพระกฤษณะสร้างขึ้น มีการกล่าวถึงเครื่องประดับที่ดีของปศุปติคือพระศิวะ ซึ่งเป็นนิกายปาศุปตะ ที่ลกุลีศะ เป็นผู้ก่อตั้งนิกายขึ้นในไศวนิกาย ซึ่งมีการกล่าวถึงนิกายนี้ในจารึกที่พบจากปราสาทพนมรุ้งแค่นี้ก็เห็นได้ว่าจารึกนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว ซึ่งต้องหาที่มาว่าเดิมนั้นจารึกนี้อยู่ที่ไหนกันแน่เพราะเก่ากว่าโบราณสถาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี