วิทยาศาสตร์ฯ มธ. โชว์นวัตกรรมรักษ์โลก ‘คูล ทู ทัช’ (Cool to Touch)

วิทยาศาสตร์ฯ มธ. โชว์นวัตกรรมรักษ์โลก ‘คูล ทู ทัช’ (Cool to Touch)

วันอาทิตย์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563, 06.00 น.

ผศ.ดร.ชิราวุฒิ เพชรเย็น

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โชว์นวัตกรรมรักษ์โลก “คูล ทู ทัช” (Cool to Touch) แพ็กเกจจิ้งจากพลาสติกชีวภาพต้นทุนการผลิตต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทนร้อนไมโครเวฟถึง 200 องศาย่อยสลายทางชีวภาพใน 2 เดือน รับกระแสลดการใช้แพ็กเกจจิ้งพลาสติก และลดขั้นตอนการกำจัดขยะ โดยกระบวนการประดิษฐ์ด้วยวัตถุดิบทางการเกษตรจากพอลิแลคติคแอซิด (PLA) กับพอลิบิวทีลีนซัคซิเนต (PBS) และเส้นใยจากไม้ยูคาลิปตัส ไผ่ หรือชานอ้อย ทั้งนี้ สามารถคว้ารางวัลเหรียญทอง และรางวัลพิเศษจาก Patent Office of Cooperation Council for the Arab States of the Gulf ในเวทีประกวดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ (SIIF 2019) ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ล่าสุด ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมถ่ายทอดสู่ผู้ประกอบการ เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต


รางวัลเหรียญทอง ที่ได้รับจากเวทีประกวดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ ประเทศเกาหลีใต้

ผศ.ดร.ชิราวุฒิ เพชรเย็น อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีวัสดุและสิ่งทอ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หรือ SCI-TU เผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการนำโฟมมาใช้งานหลากหลายและมีปริมาณเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ถ้วยกาแฟ การใส่อาหาร เพราะกระบวนการผลิตโฟมมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อีกทั้งโฟมยังไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จึงก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นอย่างมาก คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. โดยสาขาวิชาเทคโนโลยีวัสดุและสิ่งทอ จึงได้พัฒนาแพ็กเกจจิ้งรักษ์โลก “คูล ทู ทัช” (Cool to Touch) โฟมถ้วยและฝาปิดเครื่องดื่มร้อนจากพลาสติกชีวภาพ ต้นทุนการผลิตต่ำ มาพร้อมความสามารถในการทนร้อนไมโครเวฟได้ถึง 180 องศาเซลเซียส และย่อยสลายได้ใน 2 เดือน รับกระแสลดการใช้แพ็กเกจจิ้งจากพลาสติก และลดขั้นตอนการกำจัดขยะ

นวัตกรรมคูล ทู ทัช พร้อมวัตถุดิบหลัก

สำหรับ “คูล ทู ทัช” เกิดจากการผสมวัตถุดิบทางการเกษตร ระหว่าง พอลิแลคติคแอซิด(Polylactic acid: PLA) กับพอลิบิวทีลีนซัคซิเนต(Polybutylene succinate: PBS) เพื่อให้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความเหนียวและยืดหยุ่น เหมาะกับการใช้งานเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่เครื่องดื่มร้อน และผสมเส้นใยจากไม้ยูคาลิปตัส ไผ่ หรือชานอ้อย ทำให้มีน้ำหนักเบา ขึ้นรูปได้ง่าย และความสามารถในการทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -18 ถึง 180 องศาเซลเซียส หรือนำไปอุ่นในไมโครเวฟได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อีกทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติย่อยสลายได้ทางชีวภาพด้วยการฝังกลบตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี สำหรับนวัตกรรมดังกล่าว มีต้นทุนการผลิตไม่เกิน 5 บาท ซึ่งมีราคาค่อนข้างถูก อีกทั้งมีคุณสมบัติดีกว่าการใช้โฟม ซึ่งเมื่อนำไปใช้บรรจุอาหารที่ร้อนจะเกิดการเสียรูปหรือละลายได้ จนเกิดสารที่เป็นอันตรายมาจากภาชนะโฟม ทำให้เกิดสารเกิดการปนเปื้อนในอาหาร ดังนั้น “คูล ทู ทัช”(Cool to Touch) จึงนับเป็นทางเลือกใหม่แก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารในอนาคต ทั้งนี้แพ็กเกจจิ้งดังกล่าว เป็นผลงานการวิจัยของ สุวราวรวงศากุล นักศึกษาในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขานวัตกรรมและเทคโนโลยีวัสดุ โดยมี ผศ.ดร.ชิราวุฒิ เพชรเย็น เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโดยนวัตกรรมดังกล่าว สามารถคว้ารางวัลเหรียญทองและรางวัลพิเศษจาก Patent Office of CooperationCouncil for the Arab States of the Gulf ในเวทีประกวดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ (Seoul International Invention Fair 2019: SIIF 2019) ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้รับการจดอนุสิทธิบัตร และพร้อมถ่ายทอดสู่ผู้ประกอบการเพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต

วัตถุดิบหลักในการพัฒนานวัตกรรมคูล ทู ทัช

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐธนนท์ หงส์วริทธิ์ธรคณบดี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หรือ SCI-TU กล่าวเสริมว่าแพ็กเกจจิ้ง “คูล ทู ทัช” (Cool to Touch) นับเป็นหนึ่งในผลงานวิจัยที่สะท้อนถึงศักยภาพของคณาจารย์นักวิจัย รวมถึงนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าพัฒนางานวิจัยและองค์ความรู้ใหม่ สู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับใช้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ พร้อมตอกย้ำนโยบายของ SCI-TU ที่มุ่งผลิตและบ่มเพาะนักวิทยาศาสตร์คุณภาพ ผ่านการจัดการเรียนการสอน ในรูปแบบ SCI+BUSINESS ที่เน้นการผสมผสานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จนสามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมตอบโจทย์ความต้องการของเทรนด์โลก อย่างไรก็ดีสำหรับแพ็กเกจจิ้งดังกล่าว สามารถนำไปต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารเพราะด้วยต้นทุนการผลิตที่ถูก ประสิทธิภาพการทนความร้อนได้สูง มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและที่สำคัญเป็นแพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรเป็นสิ่งแวดล้อมย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ช่วยลดปัญหาขยะในปัจจุบันของประเทศไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น เมื่อปี 2562 ประเทศไทย ติดอันดับ 1ใน 5 ประเทศของโลก ที่มีปริมาณสูงโดยเฉลี่ย27 ล้านตันต่อปี หนึ่งในปัญหาของขยะที่เพิ่มขึ้นมาจากการใช้แพ็กเกจจิ้งจากโฟม ประกอบกับ ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ ใช้แพ็กเกจจิ้งที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ประมาณ 560 ล้านชิ้นต่อปี ดังนั้น เชื่อว่าผลงานดังกล่าว จะมาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหารได้ในอนาคต”

ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. ศูนย์รังสิต โทรศัพท์ 02-5644440-59 ต่อ 2010
เฟซบุ๊คแฟนเพจ www.facebook.com/ScienceThammasat เว็บไซต์ www.sci.tu.ac.th

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top