เพื่อสานต่อพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องการดูแลสุขภาพและพัฒนาคุณภาพของคนจากที่พระราชทานพระราชดำรัสไว้ในเรื่องสุขภาพของประชาชนว่า “ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติ ก็คือ พลเมือง นั่นเอง” ด้วยทรงเห็นว่า “คน” เป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาประเทศ สร้างความพอมี พอกิน จึงทรงให้ความสำคัญในการฟื้นฟูปัญหาสุขภาพของประชาชน เพื่อการพัฒนาประโยชน์สุขให้เกิดกับส่วนรวมและประเทศชาติต่อไป
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จึงก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท โดยมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะให้ประชาชนชาวไทยสามารถได้รับยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางยาแก่สาธารณสุขของไทย ดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตยาบริษัทแรกของคนไทยที่ลงทุนพัฒนาและผลิตยาชีววัตถุ (Biopharmaceuticals) เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแก่ทุกคน
ดร.ทรงพล ดีจงกิจ, นวลพรรณ ลํ่าซำ, อภิพร ภาษวัธน์, ธวัชชัย พิเศษกุล
นายอภิพร ภาษวัธน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวในโอกาสที่พาสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตยาว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีความมุ่งมั่นที่จะสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำเรื่องราวเกี่ยวกับยา เพื่อให้ประชาชนชาวไทย สามารถได้รับยาที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง ลดการพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางยาแก่สาธารณสุขของไทย ดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย
“เราใช้เวลา 4 ปีแรก ในการศึกษาแนวทางการทำงาน หาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ วางโครงสร้างและรากฐานที่มั่นคง พร้อมกับลงทุนสร้างโรงงานใหม่อันทันสมัย บนเนื้อที่กว่า 37 ไร่ ณ ตำบลบ้านใหม่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นศูนย์การวิจัยและผลิตยาในที่เดียว โดยเราใช้เทคโนโลยีชีวภาพชั้นสูงในการผลิตยาชีววัตถุ ซึ่งสามารถผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำได้โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบยาจากภายนอก ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีราคาถูกกว่ายานำเข้าจากต่างประเทศ 30-40% เพราะเราสามารถคิดค้น พัฒนา ผลิตวัตถุดิบยา ผลิตยา บรรจุยา และจัดจำหน่ายยาชีววัตถุ ของเราเอง
ทำให้สยามไบโอไซเอนซ์ จึงเป็นดั่ง“ของขวัญจากพ่อ” ที่ไม่ได้มอบแก่เพียงคนไทย แต่เพื่อคนทั้งโลก เพราะการวิจัยทางการแพทย์ นั้นต้องทำเพื่อมวลมนุษยชาติ
ดร.ทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของสยามไบโอไซเอนซ์ เกิดจากการร่วมลงทุนของ 2 บริษัทหลัก คือ “บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด” (Siam Bioscience) เป็นบริษัทที่ทำการวิจัย พัฒนา และผลิตยา เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ แบบครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และ “บริษัทเอเพ็กซ์เซล่า จำกัด” (Apexcela) ตั้งขึ้นใน พ.ศ.2553 เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาด และการขาย ทั้งในประเทศและส่งออก รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิต ได้แก่ ยารักษาโรคเน้นที่ยาชีววัตถุ โดยยาตัวแรกที่ออกสู่ตลาดแล้วคือ “ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง” ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้เอง ยาตัวที่ 2 คือ “ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาว” ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ โดยยาทั้ง 2 ตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง สามารถบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลข้างเคียงต่ำ
ล่าสุดเราสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์“ยาแก้ปวดแบบเฉียบพลัน” ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่มีการปวดรุนแรงได้โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยและผลพลอยได้จากการวิจัย ยาชีววัตถุ คือ “โปรตีนในกลุ่ม sH- Oilgopeptide-1” นำมาเป็นส่วนผสมในการทำเวชสำอางภายใต้แบรนด์ Ardermis ซึ่งโปรตีนชนิดนี้ ร่างกายจะผลิตได้แค่ ตอนอายุ 30 ปี พอพ้นไปแล้ว ร่างกายไม่สามารถผลิตโปรตีนกลุ่มนี้ได้ ดังนั้น เราจึงนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต เวชสำอาง และเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่นำโปรตีนกลุ่มนี้มาใช้กับเวชสำอาง
“ร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยน้ำและโปรตีน “ยาชีววัตถุ” คือ โปรตีน แบบเดียวกับการทำงานในร่างกายซึ่งควบคุมระบบต่างๆ โดยตัวอย่างยาชีววัตถุ เช่น ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง สำหรับคนเป็นโรคไตเลียนแบบการทำงานของร่างกายผลข้างเคียงน้อย ประสิทธิภาพสูง และยาชีววัตถุยังสามารถดัดแปลงโครงสร้าง สามารถเปลี่ยนแปลงโปรตีนต่างๆ ไปทำลายแค่เซลล์มะเร็งได้เช่น ยามุ่งเป้า (Target Therapy) ซึ่งในอดีตถ้าให้ยาเคมีบำบัด ก็เหมือนระเบิดปูพรมที่ทำลายทุกเซลล์ทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ดี แต่หากให้ยาชีววัตถุไปรักษาที่เซลล์มะเร็งผลข้างเคียงน้อยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน กลับไปทำงานเร็ว ลดภาระทางสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลซึ่งยาตัวนี้สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านั้นได้”
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เผยว่า บริษัทน้อมนำพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางดูแลสุขภาพของประชาชนนับว่าเป็นบริษัทหนึ่งเดียวในประเทศไทยและทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถผลิตยาชีววัตถุได้ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำได้ ซึ่งตอบโจทย์ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ทุกคนให้ความสำคัญกันมากที่สุด ทำให้เพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความขาดแคลนหรือราคานับเป็นการเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคต่างๆ ได้
“จากการเติบโตของบริษัทที่ทำการวิจัย พัฒนา รวมถึงการผลิตขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ใน พ.ศ.2560 เครือสยามไบโอไซเอนซ์ จึงได้จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นอีก 2 บริษัท เพื่อต่อยอดธุรกิจ คือ บริษัท เอบินิส จำกัด (Abinis) โดยจะเน้นไปที่ยาบำบัดรักษาโรคมะเร็ง โรคไต และโรคแพ้ภูมิตนเอง เพื่อต่อยอดการผลิตยาชีววัตถุอย่างครบวงจร และ “บริษัท อินโนไบโอคอสเมด จำกัด” (Inno-Biocosmed) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชีวเวชสำอาง ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเส้นผม และผลิตภัณฑ์ดูแลแผล โดยจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกในชื่อแบรนด์ Ardermis และ Uderma”
นายธวัชชัย พิเศษกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด ผู้ดูแลด้านการตลาด กล่าวว่า ด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกของโรงงาน วันนี้บริษัทฯ จึงได้รับการรับรองมาตรฐานสากล PIC/s GMP, ISO9001, ISO17025 และด้วยศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาอย่างครบวงจร ยาในเครือสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการบรรจุเข้าบัญชียาของหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม อีกทั้งได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ผลิตยาและชุดตรวจโรค ให้แก่องค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทำให้ตลอดช่วงปีที่ผ่านมาตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุเพิ่มขึ้น
และประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถผลิตยาชีววัตถุที่ได้มาตรฐาน เพราะได้ผู้ร่วมลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตยาอันดับหนึ่งของโลก จากประเทศคิวบา และล่าสุดได้ส่งผลิตภัณฑ์ยาของเราไปทดสอบที่ประเทศออสเตรเลีย ถ้าสามารถผ่านมาตรฐานที่ออสเตรเลียได้ทำให้สามารถส่งผลิตภัณฑ์ของเราไปจำหน่ายยังประเทศในแถบยุโรปได้อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดส่งออก ปัจจุบัน มีส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ กัมพูชา เมียนมา และ ศรีลังกา
บริษัทเชื่อมั่นว่า เมื่อมีบริษัทผู้ผลิตยาที่ทำงานโดยคนไทยในทุกขั้นตอน ทำให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับบุคลากรในประเทศ ส่งผลดีต่อวงการแพทย์ และช่วยสร้างความมั่นคงให้กับสาธารณสุขของประเทศอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี