คุยกัน7วันหน : จับตา‘ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ’  ลูกครึ่งไทย นั่งรองปธน.คู่ไบเดน

คุยกัน7วันหน : จับตา‘ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ’ ลูกครึ่งไทย นั่งรองปธน.คู่ไบเดน

วันอาทิตย์ ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

สัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ New York Times เขียนบทวิเคราะห์โดย แฟรงค์ บรูนี คอลัมนิสต์ ที่พาดหัวเอาไว้เลยว่า “แทมมี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับไบเดน” ในการเลือกมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีกับเขา ในการเลือกตั้งปลายปีนี้

นักวิเคราะห์บอกว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งธรรมดา แต่จะเป็น “การเลือกตั้งจิตวิญญาณของอเมริกา” จึงมีหลายเหตุผลว่าทำไมไบเดนควรเลือก “ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ”สว.จากรัฐอิลลินอยส์ เป็นคู่ลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพราะเธอเป็นทุกอย่างที่ตรงข้ามกับโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ คือมีทั้งความเสียสละ มีเกียรติ และเป็นคนนอบน้อม และที่ผ่านมาก็นับเป็นสว.ที่ทิ่มแทงทรัมป์อยู่หลายครา


ทำไมดักเวิร์ธ จึงเป็นตัวเลือกที่ดี?

นักวิเคราะห์มองว่า ดักเวิร์ธน่าจะเป็น “คู่ปรับ” ที่สมน้ำสมเนื้อกับทรัมป์มากทีเดียว เพราะเธอเคยเรียกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า “Cadet Bone Spurs” หรือนายร้อยกระดูกยื่น ซึ่งเป็นวิธีที่ทรัมป์หลบหนีการเกณฑ์ทหารในสมัยสงครามเวียดนาม ด้วยการอ้างว่าเป็นโรคกระดูกยื่นที่เท้า และบอกว่ามันเจ็บมาก ซึ่งที่ผ่านมาสื่อเคยสัมภาษณ์ว่าเท้าข้างไหน เขากลับจำมันไม่ได้ และว่า “ชายคนนี้เป็นคนที่ชอบบูลลี่คนอื่น และคนประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับยารักษา”

อีกทั้งในวัย 52 ปี ก็นับว่าเหมาะสม เพราะในเมื่อ โจ ไบเดนอายุ 77 ปี หากไปเลือก สว. อลิซาเบธวอร์เรน ที่รุ่นใหญ่พอกันด้วยวัย71 ปี ก็จะทำให้กลายเป็นสูงอายุกันจนเกินไป พรรคเดโมแครตจึงต้องการคนที่สร้างความสมัยใหม่ให้พรรคมากขึ้น เพราะผู้นำ 2 คนก่อนหน้า ก็ล้วนแล้วแต่มีวัยต่ำกว่า 50 ปีในสมัยแรก

แท้จริงแล้ว ดักเวิร์ธ ไม่ได้เป็นไอดอลที่เด่นดังจนทำให้เป็นที่จับตามองมากๆ แต่ด้วยความที่เธอทำตัว “โลว์โปรไฟล์” มาตลอดกลับจะกลายเป็นประโยชน์สำหรับเธอ เพราะมันทำให้อีกฝั่งจับทางไม่ได้ ตีความไม่ถูกว่าเธอคิดอะไร หรือต้องการอะไร

แฟรงค์ บรูนี คอลัมนิสต์New York Times เขียนไว้ว่า ดักเวิร์ธเป็นหญิงที่กล้าหาญมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาด้วยความยากจน ขายดอกไม้ข้างถนนที่ฮาวาย แต่ก็สามารถดิ้นรนจนจบปริญญาโทสาขาระหว่างประเทศ ก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ในสงครามอิรัก ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายนักสำหรับสตรี กระทั่งในปี 2004ระหว่างที่บินอยู่ใกล้กับกรุงแบกแดดเครื่องแบล็กฮอว์กของเธอก็ถูกยิงตก ดักเวิร์ธสูญเสียขาทั้ง 2 ข้าง และเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ และเมื่อใดก็ตามที่เธอถูกเรียกว่าเป็นฮีโร่ เธอก็จะตอบทั้งน้ำตาว่า ผู้ช่วยนักบิน และทหารนายอื่นๆ ที่ช่วยให้เธอรอดออกมาจากซากนั้นตายต่างหากที่เป็นฮีโร่ และว่า เธอตื่นมาทุกเช้า จะบอกกับตัวเองเสมอว่า เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้ช่วยนักบินคนนั้น ต้องเสียใจที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

หลายคนอาจคิดสงสาร และเทคะแนนให้ดักเวิร์ธ เพราะการที่เป็นผู้พิการสูญเสียขา 2 ข้าง แต่ลักษณะทางกายภาพไม่ได้ลดทอนความเป็นมนุษย์และความแข็งแกร่งของหญิงคนนี้ไปแม้แต่น้อย

ดักเวิร์ธ ในวัย 52 ปี กำลังอยู่ในปีที่ 4 ของการเป็นสว.รัฐอิลลินอยส์ หลังจากเป็นสส.มาแล้ว2 สมัย ทำให้เธอมีความแตกต่างจากคู่แข่งชิงรองประธานาธิบดีคนอื่นๆ อยู่พอสมควร เพราะมันดูเป็นช่วงจังหวะที่ช่างเหมาะสมกับชีวิตของเธออย่างที่สุด เธอเกิดที่กรุงเทพฯประเทศไทย และมีคุณพ่อเป็นชาวอเมริกัน ส่วนคุณแม่เป็นคนไทย และหากได้รับเลือก เธอจะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไทย และเอเชีย คนเดียวที่ตีตั๋วรองประธานาธิบดีเข้าชิงชัยการเลือกตั้งปลายปีนี้ได้ อีกทั้งเธอยังเป็น สว.คนแรกของสหรัฐฯ ที่คลอดบุตรระหว่างดำรงตำแหน่ง และยังพาลูกมายังที่ประชุมวุฒิสภาด้วย

บรูนีปิดท้ายว่า ดักเวิร์ธนับว่าเป็นหญิงแกร่ง ขยันทำงาน และยังเป็นคุณแม่ลูกสอง มีครบคุณสมบัติในการเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีเพราะเป็นบุคคลที่สามารถผสมผสานความเชื่อมั่น ความสุภาพ ความแข็งแกร่ง และความอบอุ่นเอาไว้ได้ด้วยกัน...

เป็นเหมือนยาชูกำลังที่แสนชื่นใจในภาวะเช่นนี้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top