สัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ New York Times เขียนบทวิเคราะห์โดย แฟรงค์ บรูนี คอลัมนิสต์ ที่พาดหัวเอาไว้เลยว่า “แทมมี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับไบเดน” ในการเลือกมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีกับเขา ในการเลือกตั้งปลายปีนี้
นักวิเคราะห์บอกว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งธรรมดา แต่จะเป็น “การเลือกตั้งจิตวิญญาณของอเมริกา” จึงมีหลายเหตุผลว่าทำไมไบเดนควรเลือก “ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ”สว.จากรัฐอิลลินอยส์ เป็นคู่ลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพราะเธอเป็นทุกอย่างที่ตรงข้ามกับโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ คือมีทั้งความเสียสละ มีเกียรติ และเป็นคนนอบน้อม และที่ผ่านมาก็นับเป็นสว.ที่ทิ่มแทงทรัมป์อยู่หลายครา
ทำไมดักเวิร์ธ จึงเป็นตัวเลือกที่ดี?
นักวิเคราะห์มองว่า ดักเวิร์ธน่าจะเป็น “คู่ปรับ” ที่สมน้ำสมเนื้อกับทรัมป์มากทีเดียว เพราะเธอเคยเรียกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า “Cadet Bone Spurs” หรือนายร้อยกระดูกยื่น ซึ่งเป็นวิธีที่ทรัมป์หลบหนีการเกณฑ์ทหารในสมัยสงครามเวียดนาม ด้วยการอ้างว่าเป็นโรคกระดูกยื่นที่เท้า และบอกว่ามันเจ็บมาก ซึ่งที่ผ่านมาสื่อเคยสัมภาษณ์ว่าเท้าข้างไหน เขากลับจำมันไม่ได้ และว่า “ชายคนนี้เป็นคนที่ชอบบูลลี่คนอื่น และคนประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับยารักษา”
อีกทั้งในวัย 52 ปี ก็นับว่าเหมาะสม เพราะในเมื่อ โจ ไบเดนอายุ 77 ปี หากไปเลือก สว. อลิซาเบธวอร์เรน ที่รุ่นใหญ่พอกันด้วยวัย71 ปี ก็จะทำให้กลายเป็นสูงอายุกันจนเกินไป พรรคเดโมแครตจึงต้องการคนที่สร้างความสมัยใหม่ให้พรรคมากขึ้น เพราะผู้นำ 2 คนก่อนหน้า ก็ล้วนแล้วแต่มีวัยต่ำกว่า 50 ปีในสมัยแรก
แท้จริงแล้ว ดักเวิร์ธ ไม่ได้เป็นไอดอลที่เด่นดังจนทำให้เป็นที่จับตามองมากๆ แต่ด้วยความที่เธอทำตัว “โลว์โปรไฟล์” มาตลอดกลับจะกลายเป็นประโยชน์สำหรับเธอ เพราะมันทำให้อีกฝั่งจับทางไม่ได้ ตีความไม่ถูกว่าเธอคิดอะไร หรือต้องการอะไร
แฟรงค์ บรูนี คอลัมนิสต์New York Times เขียนไว้ว่า ดักเวิร์ธเป็นหญิงที่กล้าหาญมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาด้วยความยากจน ขายดอกไม้ข้างถนนที่ฮาวาย แต่ก็สามารถดิ้นรนจนจบปริญญาโทสาขาระหว่างประเทศ ก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ในสงครามอิรัก ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายนักสำหรับสตรี กระทั่งในปี 2004ระหว่างที่บินอยู่ใกล้กับกรุงแบกแดดเครื่องแบล็กฮอว์กของเธอก็ถูกยิงตก ดักเวิร์ธสูญเสียขาทั้ง 2 ข้าง และเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ และเมื่อใดก็ตามที่เธอถูกเรียกว่าเป็นฮีโร่ เธอก็จะตอบทั้งน้ำตาว่า ผู้ช่วยนักบิน และทหารนายอื่นๆ ที่ช่วยให้เธอรอดออกมาจากซากนั้นตายต่างหากที่เป็นฮีโร่ และว่า เธอตื่นมาทุกเช้า จะบอกกับตัวเองเสมอว่า เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้ช่วยนักบินคนนั้น ต้องเสียใจที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
หลายคนอาจคิดสงสาร และเทคะแนนให้ดักเวิร์ธ เพราะการที่เป็นผู้พิการสูญเสียขา 2 ข้าง แต่ลักษณะทางกายภาพไม่ได้ลดทอนความเป็นมนุษย์และความแข็งแกร่งของหญิงคนนี้ไปแม้แต่น้อย
ดักเวิร์ธ ในวัย 52 ปี กำลังอยู่ในปีที่ 4 ของการเป็นสว.รัฐอิลลินอยส์ หลังจากเป็นสส.มาแล้ว2 สมัย ทำให้เธอมีความแตกต่างจากคู่แข่งชิงรองประธานาธิบดีคนอื่นๆ อยู่พอสมควร เพราะมันดูเป็นช่วงจังหวะที่ช่างเหมาะสมกับชีวิตของเธออย่างที่สุด เธอเกิดที่กรุงเทพฯประเทศไทย และมีคุณพ่อเป็นชาวอเมริกัน ส่วนคุณแม่เป็นคนไทย และหากได้รับเลือก เธอจะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไทย และเอเชีย คนเดียวที่ตีตั๋วรองประธานาธิบดีเข้าชิงชัยการเลือกตั้งปลายปีนี้ได้ อีกทั้งเธอยังเป็น สว.คนแรกของสหรัฐฯ ที่คลอดบุตรระหว่างดำรงตำแหน่ง และยังพาลูกมายังที่ประชุมวุฒิสภาด้วย
บรูนีปิดท้ายว่า ดักเวิร์ธนับว่าเป็นหญิงแกร่ง ขยันทำงาน และยังเป็นคุณแม่ลูกสอง มีครบคุณสมบัติในการเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีเพราะเป็นบุคคลที่สามารถผสมผสานความเชื่อมั่น ความสุภาพ ความแข็งแกร่ง และความอบอุ่นเอาไว้ได้ด้วยกัน...
เป็นเหมือนยาชูกำลังที่แสนชื่นใจในภาวะเช่นนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี