นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า จะเปิดการสอบสวนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีสุขภาพแข็งแรงพอสำหรับการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ หลังจากป่วยเป็นโควิด-19 และหากเขาไม่มีสติสัมปชัญญะเพียงพอ ก็จะนำไปสู่การใช้กฎหมายพิเศษในการเปลี่ยนถ่ายอำนาจประธานาธิบดี โดยจะเสนอร่างกฎหมายช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อจัดตั้งคณะทำงานในการประเมินสุขภาพของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าเหมาะสมที่จะทำงานต่อไปได้หรือไม่ การตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวจะมีขึ้นภายใต้บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 ซึ่งวางกรอบว่าประธานาธิบดีจะให้ออกจากตำแหน่งหากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
นางเปโลซีกล่าวว่า คำถามสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพของนายทรัมป์นั้นยังไม่ได้รับคำตอบ และเธอมองว่าประธานาธิบดีมีสภาพการรับรู้อารมณ์อันผันแปร เธอยังตั้งสังเกตว่าแพทย์เคยให้ข้อมูลว่าการให้ยาสเตียรอยด์แก่นายทรัมป์นั้น จะส่งผลกระทบต่อภาวะการตัดสินใจของเขา
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของนางเปโลซีว่า เธอนั้นบ้า และควรเป็นคนที่ถูกตรวจสอบมากกว่าเขา
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเห็นไปในทางเดียวกับเปโลซี อย่าง สว.เจมส์ ไคลเบิร์น จากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า ทรัมป์แสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติ เอาแน่เอานอนไม่ได้จนทำให้สาธารณชนกังวลในเรื่องสุขภาพของเขา ส่วนนายริค ไบรท์อดีตผู้อำนวยการองค์การพัฒนาและวิจัยชีวการแพทย์ขั้นสูง ซึ่งดูแลโครงการพัฒนาวัคซีน กล่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาการยังไม่ดีและปกติแล้วใครก็ตาม ที่เข้ารับการรักษาเชิงทดลองเกี่ยวกับโควิด-19 สมควรที่จะนอนที่เตียงโรงพยาบาลอยู่ เรื่องนี้อันตรายอย่างยิ่ง เพราะนายทรัมป์รับผิดชอบทุกอย่าง และต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ สำหรับประเทศชาติและโลก หากสติสัมปชัญญะของเขายังไม่ดี ที่จะตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล เขาอาจตัดสินใจสะเพร่าได้
สำหรับบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 มีขึ้นหลังการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี้ ในปี 1963 เกี่ยวกับการเปลี่ยนถ่ายอำนาจประธานาธิบดี หรือเปรียบเสมือน “อำนาจหมายเลข 25” พรรคเดโมแครตกำลังมุ่งไปที่วรรคที่ 4 ของบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25ที่เปิดทางให้มีการปลดประธานาธิบดีได้หากไร้ความสามารถทั้งทางกายและใจแม้ตัวประธานาธิบดีไม่ยินยอมก็ตาม
“อำนาจหมายเลข 25” นี้กำหนดว่าจะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อรองประธานาธิบดีและเสียงส่วนใหญ่ในคณะรัฐมนตรีที่มี 15 คนหรือสภาคองเกรส เห็นพ้องกันว่าประธานาธิบดีทำงานไม่ได้แล้ว แต่ตัวประธานาธิบดีมีสิทธิอุทธรณ์คำร้องดังกล่าวอยู่ ที่ผ่านมาการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากประธานาธิบดีไปให้รองประธานาธิบดีเคยมีมาแล้วเป็นการชั่วคราว เช่นเมื่อตอนที่โรนัลด์ เรแกน ถูกยิงและได้รับบาดเจ็บเมื่อปี 1981ทำให้จอร์จ ดับเบิล. ยู บุชรองประธานาธิบดีขณะนั้นมาทำหน้าที่แทน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีการใช้วรรคที่สี่ของมาตรานี้ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และสื่อต่างๆ ทั้ง สำนักข่าวเอพี และสำนักข่าวบีบีซีมองว่า นี่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคเดโมแครตเพื่อให้มีการตั้งคำถามถึงสุขภาพของผู้นำมากกว่า และไม่มีสัญญาณว่ารองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ จะเล่นด้วย รวมถึงการเดินหน้าร่างกฎหมายดังกล่าวก็มีเวลาน้อยเกินไปที่จะจัดตั้งคณะกรรมการได้ทันเวลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี