ใครๆ ก็อยากดูหน้าใสปิ๊งไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็อยากมีผิวเหมือนผิวเด็ก แต่เราต้องเรียนรู้ปัจจัยที่ทำให้ผิวไม่ใสกันก่อนข้อมูลจาก ผศ.พญ.สุวิรากรธรรมศักดิ์ ประธานฝ่ายกิจกรรมสังคม สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ และผู้อำนวยการคลินิกสยามเดอร์มาติกส์ เปิดเผยว่า ในวัยเด็ก ถ้าไม่ได้เป็นโรค ผิวจะใสเต่งตึงเรียบเนียน แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นฮอร์โมนเพศเริ่มทำงาน ต่อมไขมันผลิตเพิ่ม สิวเริ่มขึ้น เมื่อหายก็อาจเป็นรอย ทำให้ผิวไม่ใสปิ๊งแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว ได้แก่ (1) กรรมพันธุ์ คนที่พ่อแม่เป็นสิวมากก็มีโอกาสเป็นสิวง่ายกว่า (2) ฮอร์โมน ผู้ที่มีฮอร์โมนเพศสูง
มีโอกาสเป็นสิวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนในตัวหรือภายนอก อาหารหลายอย่างมีผลกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนม ของหวาน แป้ง อาหารที่มีเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมน อาหารพวก fast food (3) การอุดตันของรูขุมขนจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้อง ความผิดปกติของผิวชั้นนอก (4) แบคทีเรีย ปัจจุบันพบว่าแบคทีเรีย Cutibacterium acne หรือที่รู้จักว่า P.acne สามารถกระตุ้นให้ผิวหนังหลั่งสารมาทำให้อุดตันได้ และทำให้เกิดการอักเสบ หรือทำลายคอลลาเจนให้เป็นแผลเป็นได้
สำหรับวัยที่ช่วงวัยรุ่น จะเริ่มมีกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ทำให้เผชิญกับแสงแดด ที่เป็นตัวร้ายทำลายผิว โดยเริ่มส่งผลทำให้หน้าหมองคล้ำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแสงแดดนั้นมีผลตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตอนเด็กอาจจะยังไม่สนใจมากเท่าไหร่ พบว่าความเสื่อมของผิวจะเกิดตามอายุเพียงแค่ 20%แต่ความเสื่อมของผิวที่เกิดจากแสงแดดและสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ เช่น มลภาวะ ความเครียด ควันบุหรี่ เป็นต้นสิ่งเหล่านี้จะทำลายผิวได้ถึง 80% ส่งผลให้ผิวเกิดกระ ผิวหมองคล้ำ และเกิดเป็นฝ้าได้ง่าย
เมื่อย่างเข้าวัยสูงอายุแล้ว ฮอร์โมนเริ่มถดถอยไม่สมดุลเป็นเหตุให้ผิวแห้ง แพ้ง่าย เป็นฝ้าง่าย บวกกับผิวที่เปลี่ยนแปลงตามวัยแล้วยิ่งทำให้ผิวไม่ใสแล้ว
ทำอย่างไรให้ผิวใสอยู่เสมอ
การจะมีผิวใสอยู่เสมอได้ ต้องเริ่มต้นที่การดูแลตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อป้องกันการเสื่อมของผิวรวมทั้งการรักษาสิวตั้งแต่เริ่มต้นอย่าปล่อยให้เป็นมากๆ ถึงจะไปรักษาสิ่งสำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดในช่วง 10.00- 14.00 น. ที่มีค่า UV index สูงปัจจุบัน เราสามารถดูค่า UV index จากโทรศัพท์มือถือได้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นในกรณีที่ค่า UV indexมีมากกว่า 10 ก็ไม่ควรออกไปด้านนอกแต่ถ้าจำเป็นควรสวมหมวกปีกกว้าง กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว ป้องกันดวงตาด้วยแว่นกันแดด ถ้าไม่สะดวกในอุปกรณ์ป้องกัน ควรใช้ยากันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 30 ควรมีการ
ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือทุกครั้งที่เหงื่อออกมาก
สำหรับเทคโนโลยีเกี่ยวกับการป้องกันแสง นอกจากการทาผลิตภัณฑ์กันแดด ปัจจุบันมีการใช้อาหารเสริมที่ลดการเกิดอนุมูลอิสระ หรือยากันแดดแบบรับประทานซึ่งออกฤทธิ์ ลดการอักเสบเมื่อโดนแดด มีการทดลองในห้องแล็บได้ผลดีแต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ค่าปกป้องแสงแดดไม่ได้สูงมาก ถ้าใช้ก็ต้องมีการกันแดดเพิ่มด้วยเช่นกัน
การใช้เครื่องมือช่วยผลักสารประเภทวิตามินและสารบำรุงผิว ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ผิวใสได้ดีกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว เช่น การใช้คลื่นไฟฟ้า ผลักยาที่ละลายในน้ำให้เข้าสู่ผิวหนัง (Iontophoresis) การใช้คลื่นเสียง (phonophoresis) การใช้คลื่นไฟฟ้าทำให้ผิวมีช่องว่างให้ยาเข้าไป (Electroporesis) ปัจจุบันมีการศึกษาการทำ Fractional laser ด้วยความแรงต่ำๆเพื่อเอายาเข้าผิวหนัง ซึ่งอาจจะใช้ในการนำยาชาโดยไม่ต้องฉีด และในอนาคตอาจจะนำมาใช้ผลักสารโบท็อกซ์โดยไม่ต้องใช้การฉีด ก็อาจเป็นได้ด้วย
การฉีดสารเข้าใต้ผิวหนังเพื่อให้หน้าใส (Mesotherapy) เป็นศาสตร์ในการรักษาปัญหาความงามที่ใช้กันมา 100 ปีแล้ว เป็นที่นิยมมากทางยุโรป โดยมีหลักการ คือการใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในผิวชั้นใน เรียก “เมโส” มาจากคำว่าMesoderm การฉีดมีได้หลายเทคนิค เช่น ใช้เข็มสั้นๆ แบบสะกิด หรือฉีดตื้นๆ เป็นตุ่ม หรือฉีดใต้ผิวหนัง ใช้ได้ทั้งการฉีดผิวหน้า ฉีดหนังศีรษะกระตุ้นให้ผมขึ้น ฉีดลดไขมัน
แต่ปัญหาของการใช้การรักษากลุ่มนี้คือ สารที่ใช้ฉีดไม่ได้รับการรับรองจาก สนง.คณะกรรมการอาหารและยา ให้ใช้สำหรับฉีด ผลการรักษาก็ไม่แน่นอนและยังไม่มีงานวิจัยรองรับอย่างมีระบบ
ส่วนการฉีดสารเติมเต็ม Filler สารเติมเต็มทำมาจากสารไฮยาลูโรนิก hyaluronic acidมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้มาก มีการนำสารเติมเต็มที่สำหรับเติมชั้นตื้นมาฉีดทำให้หน้าใสได้
ปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยเรื่องผิวจำนวนมากที่สามารถทำให้ผิวใสได้ โดยขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องมือ ตามความเข้าใจของคนทั่วไปอาจจะแยกไม่ออกว่าเครื่องไหนเป็น เลเซอร์ LASER (Light amplification by stimulated emission of radiation) หรือเป็นแสง (Intense pulse light, IPL)หรือคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) คลื่นเสียง (High intensity focus ultrasound หรือ HIFU) อาจจะเข้าใจว่าเป็นเครื่องเลเซอร์หมด ฉะนั้นก่อนที่จะไปรับบริการหรือรักษาควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าจะทำเครื่องอะไรต้องเตรียมตัวอย่างไรทั้งก่อนทำและหลังทำ ว่าล้างหน้าได้ไหม ต้องหลบแดดหรือไม่ ห้ามทานยาหรืออาหารเสริมอะไรก่อนไหม และผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไรบ้าง สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.facebook.com/Dermatiks/
ผลของการรักษาด้วย เทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นกับตัวเครื่องที่ต้องได้มาตรฐาน ผ่านการขึ้นทะเบียนของสนง.คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แพทย์ผู้ใช้เครื่องมือต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือนั้นๆ และสามารถแก้ไขได้ถ้าเกิดผลข้างเคียงกับ ตัวผู้รับบริการด้วย
สุขภาพผิวที่ดี ต้องอยู่ในสุขภาพกายและใจที่ดีด้วยดังนั้น ถ้าอยากมีผิวใส ต้องอย่าลืม ดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทดี ไม่มีมลภาวะ รับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ สูง ไขมันต่ำ ดื่มน้ำมากหน่อย ไม่เครียด อารมณ์ดีมองโลกในแง่บวก รวมกับเทคโนโลยี จะช่วยให้ผิวดูสวยใสตลอดไป
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี